วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

10 ข้อแตกต่าง ระหว่าง"ชุดไร้พ่าย กับ ทีมไร้แชมป์"

กลับมาพบกันอีกครั้งแล้วครับ สำหรับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน หลังจากที่ทีมไอ้ปืนใหญ่ ผ่านโปรแกรมอันแสนหฤโหด โคตรหิน ในช่วงแรกที่ลูกทีมของ "อาแซน เวนเกอร์" แพ้2สุดยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษ นั่นคือ เชลซีและแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายฝ่ายต่างออกมาพูดในทำนองเดียวกันว่า ทีมเดอะกันเนอร์หมดสิทธิ์ลุ้นแชมป์ไปเสียแล้ว แต่หลังจากนั้นก็เกิดปาฏิหารย์เล็กๆ กับทีมปืนใหญ่ เมื่อนัดสุดท้ายของโปรแกรมสุดโหด ทีมอาร์เซนอลเปิดบ้านเฉือนชนะลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์หวิวๆ 1-0 แถมได้รับโชค2ชั้น เมื่อ2ทีมหัวบนตาราง ต่างนัดทำแต้มหล่นพร้อมกัน เชลซีพ่ายให้กับเอฟเวอร์ตัน 2-1 และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอกับ แอสตัน วิล่า 1-1 ทำใ้ห้ทีมปืนใหญ่กลับเข้ามาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง ถึงแม้จะดูยากเข็ญก็ตาม


http://sport.teenee.com/sport/imr1/2217509.jpg


เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ว่ากันไปตามหัวเรื่อง หลังจากที่ผมได้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง 2ทีม ของผู้เล่นไอ้ปืนใหญ่ใน2ยุค นั่นคือยุคที่ทีมปืนใหญ่ประสบความสำเร็จได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ควบกับสถิติอันไร้พ่าย49นัด กับทีมชุดปัจจุบันที่ห่างหายจากการสัมผัสโทรฟี่ระดับมาสเตอร์ ยาวนานประมาณ5ปีกว่าแล้ว ว่ามีข้อแตกต่างกันอย่างไร ทีมชุดนี้ขาดคุณสมบัติอะไรบ้าง ที่ทีมชุดไร้พ่ายมี ไปติดตามชมกันครับ.....



1.Striker (ศูนย์หน้า ตัวปิดบัญชี)
เหลือบมองดู นักเตะศูนย์หน้าของทีมชุดปัจจุบันนี้ แทบจะหาผู้เล่นที่ทำประตู แต่ละฤดูกาลต่อเนื่องเกิน20ประตู เหมือนกับ "เธียร์รี่ อองรี" ศูนย์หน้าที่ทีมปืนใหญ่ฝากผีฝากไข้ได้เลย "นิคลาส เบนเนอร์" พูดถึงชื่อนี้แฟนปืนส่ายหน้าหนี เพราะเขาได้รับฉายาว่า สากเบือเคลื่อนที่ "คาลอส เวล่า" ที่ยังดูอ่อนประสบการณ์มากนักกับเกมใหญ่ๆ "อังเดร อาร์ชาวิน" เหมาะสมเป็นศูนย์หน้าตัวต่ำมากกว่า เพราะรูปร่างเขาแบบฉบับมินิ เบียดสู้กับแผงหลังคิงส์ไซค์ของทีมอื่นไม่ไหว "ดูดู้" ที่ดูเหมือนวิญญาณเพชรฆาตจะหายไปกับอาการบาดเจ็บหนักครั้งที่แล้ว "ฟาน เพอร์ซี่"กำลังทำประตูได้อย่างต่อเนื่องดันมาเจ็บเสียอีก บางที "มารูยาน ซามัคห์" อาจเป็นคน ที่มาเฉลยคำตอบนี้ก็ได้นะใครจะรู้....


2.Hardman (นักเตะโรคจิต คอยกระตุ้นเพื่อนร่วมทีม)
นัก เตะอย่าง "ปาคทริค วิเอร่า" ที่บางจังหวะเล่นหนัก เพื่อข่มขู่คู่แข่งให้เสียขวัญ หรือบางครั้งเราจะเห็น "เยนส์ เลห์มันน์" ออกอาการโรคจิต โวสบถใส่คำหยาบต่อกองหน้าคู่แข่ง เมื่อจังหวะที่เขาถูกประทะ นี่แหละคับคือสิ่งที่นักเตะทีมปัจจุบันขาดไป นักเตะอย่าง "เดนิลสัน" บางครั้งที่ทีมเราโดนนำก่อน ดูเหมือนว่าเขาจะถอดใจอย่างง่ายๆ "เซส ฟาเบรกัส" กัปตันวัยรุ่นของทีมชุดปัจจุนัน บางครั้งก็ออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีม แต่ด้วยวุฒิภาวะของเขาที่ยังน้อยอยู่ ทำให้น้ำหนักแรงกระตุ้นไม่ดุดันเหมือนเจ้าปั๊ต ที่อดีตกัปตันร่างโย่งออกมากระตุ้นทีไร นักเตะเพื่อนร่วมทีมชุดนั้น เหมือนมีแรงหึกเหิมขึ้นมาในทันที...


3.Left Back (แบ็คซ้าย เชื่อใจได้ ในเกมรับ)
พอหมดยุคของ "แอชลีย์ โคล" ในถิ่นอาร์เซนอล แทบจะหาแบ็คซ้าย ที่ไว้วางใจในเกมรับไม่ได้เลย ทางบอลที่ดี ไม่ถูกคู่แข่งหลอก หัวทิ่มอย่างง่ายดายเหมือนผู้เล่นในทีมชุดนี้ และบางครั้งแบ็คซ้ายภรรยาเซ็กซี่ ยังมาช่วยเซฟทีมจากเส้นประตูอยู่หลายครั้ง กาแอล คลิชี่, คีแรน กิ๊บส์, อาคมองค์ ตราโอเล่ ไม่มีใครสงสัยว่าเกมรุกของพวกเขาสุดยอดแค่ไหน แต่เกมรับซิ แทบจะกลายเป็นบ่อน้ำมัน ให้คู่แข่งเจาะทุกเกมเลย บางครั้งเวนเกอร์อาจะเห็นในจุดนี้แล้ว หวังว่าซัมเมอร์นี้ พวกเราจะเห็นผู้เล่นแบ็คซ้ายคนใหม่ ที่ไว้วางใจในเกมรับเสียที..


4.Size XL (นักเตะตัวใหญ่ ไซ้ท์ เอ็กซ์ แอล)
กิลแบร์โต้ ซิลวา, เยนส์ เลห์มันน์, ปาทริค วิเอร่า, เธียร์รี่ อองรี, โรแบร์ ปีแรส หรือ โซล แคมป์เบลล์ในสมัยนั้น ต่างเป็นผู้เล่นที่มีส่วนสูงเกิน185 ซม.ทั้งหมด แล้วเราลองมาเปรียบเทียบกับผู้เล่นทีมชุดปัจจุบันละ แทบจะนับได้เลยว่ามีผู้เล่นส่วนสูงเกิน 185 อยู่กี่คน อาบู ดิยาบี้, นิคลาส เบนเนอร์, เอ็มมานูเอล อัลมูเนีย แค่นี้เอง หลายคนถามว่าผู้เล่นสูงใหญ่ มีความสำคัญอย่างไร สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ลูกกลางอากาศ ไม่ว่าทีมเราจะโจมตี หรือตั้งรับ ถ้าในทีมมีผู้เล่นสูงใหญ่ มันก็ทำให้เราได้เปรียบไปกว่าครึ่งแล้ว ยังรวมถึงจังหวะเบียด ปะทะแย่งบอลอีก ทำให้ผู้เล่นตัวใหญ่ได้เปรียบนักเตะไซค์มินิอยู่มาก...


5.Counter Attack (เกมรุกโต้กลับเร็ว)
เกมรุกโต้กลับเร็ว ที่ต่อบอลไม่กี่จังหวะ จนกลายเป็นประตู มีให้เราได้เห็นบ่อยๆในทีมชุดไร้พ่าย ผู้เล่นแผงหลังป้ายบอลให้กับ ปีแรสหรือ ลุงเบิร์กพาบอลก่อนที่เปิดให้กับศูนย์หน้าทำประตูได้เป็นกอบเป็นกำ แล้วเราลองมาย้อนดูนักเตะในทีมชุดนี้ซิ เกมรุกโต้กลับเร็วแทบไม่มีให้เห็นเลย นักเตะบางคนช้า เก็บบอลไว้กับตัวนานเกินไป หรือบางครั้งก็ต่อบอลหลายจังหวะ มากเกินความจำเป็น ทำให้ทีมคู่แข่ง กลับมาประจำตำแหน่งได้ทันถ่วงที เห็นทีม"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ใช้เกม"เค้าท์เตอร์ แอ็คแท็ค" เล่นงานทีมเราจนสะบักสะบอม ทำให้ผมอดนึกถึงนักเตะทีมชุดไร้พ่ายทุกที...


6.Arsene Wenger (เวนเกอร์เปลี่ยนไป)
ใช่ครับ ผมพิมพ์ไม่ผิดหรอก "อาแซน เวนเกอร์" ณ.ตอนนี้ กับในอดีตแตกต่างกันมาก บอสหน้าเหี่ยวในทีมชุดไร้พ่าย ดูเหมือนว่าจะมีความกระหายชัยชนะมากกว่าณ.ตอนนี้ การจัดผู้เล่นลงสนาม ในทีมชุดนั้นจะมีผู้เล่นดาวรุ่งอย่างมากไม่เกินซัก1-2คน แต่แล้วความสำเร็จในการผลักดันนักเตะดาวรุ่ง ของเวนเกอร์ ทำให้เขาเป็นคนที่หยิ่งผยองมากขึ้น ยิ่งเวลาผ่านไป ดาวรุ่งในทีมชุดใหญ่ก็ยิ่งมีมากขึ้น ส่วนนักเตะอายุเกิน30ปีแทบจะกลายเป็นส่วนเกินของทีม ความสมดุลย์ของทีมชุดไร้พ่ายที่ยังมีอยู่มาก แต่เราลองกลับมาดูผู้เล่นในทีมชุดนี้ซิ นักเตะดาวรุ่งแทบค่อนทีม ความล้มเหลวในช่วง4-5ปีหลังที่ผ่านมา น่าจะเป็นสิ่งสะท้อนกระตุ้นให้เวนเกอร์ทำอะไรซักอย่าง บ้างแล้วนะ..


7.Hibury & Emirates Stadium(สนามใหม่ใหญ่กว่าเก่า)
ท่านผู้อ่านยังคงงงอยู่ ว่าผมเอาเรื่องสนามแข่งขันมาเป็นประเด็นได้ไง เอาละครับผมจะขออธิบายเลยละกัน เวลาที่ทีมปืนใหญ่เล่นในบ้านตนเอง ไม่ว่าจะเป็นทีมชุดไหน จะมีแบบแผนการเล่นเดียวกัน นั่นคือดันผู้เล่นแผงหลังขึ้นสูง เพื่อเป็นการกดดันเกมรุกคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง แต่เวนเกอร์คงลืมไปว่าสนาม ไฮบิวรี่กับ เอมิเรตส์ สเตเดี่ยม แตกต่างกันอยู่มาก ในสมัยที่ทีมชุดไร้พ่ายเล่นในไฮบิวรี่ เมื่อแผงหลังทีมปืนใหญ่ ดันขึ้นสูงเกือบถึงเส้นกลางสนาม เวลาถูกคู่แข่งโต้กลับเร็ว ด้วยการวางบอลยาว อย่างน้อยก็เหลือพื้นที่ไม่มาก บอลอาจมาถึงผู้รักษาประตูหรือออกเส้นหลังไป แต่กลับกัน สนามเอมิเรตส์ สเตเดี่ยมที่ใหญ่โตโอ่อ่ากว่า เมื่อถูกทีมคู่แข่ง วางบอลยาวโต้กลับเร็ว จะเหลือพื้นที่ให้ทีมคู่แข่ง วิ่งขึ้นมาสอดเติมเกมรุกอยู่มาก ทำให้ทีมปืนใหญ่มักจะเสียประตู ด้วยลูกโต้กลับเร็วอยู่บ่อยๆ กับสนามใหม่


8.Mental Conditions(สภาพจิตใจ ที่เข้มแข็ง)
"อังเดร อาร์ชาวิน" เคยออกมากระตุ้นเพื่อนร่วมทีมว่า เมื่อเราจะเอาชนะทีมคู่แข่งที่ใหญ่โตกว่าอย่างเช่นทีม "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เราต้องมีความเชื่อก่อนว่าทีมเราสามารถจะเอาชนะได้ ไม่ใช่ว่าเห็นชื่อทีมของคู่แข่งเหนือกว่า ใจจะฝ่อไปตามกับสิ่งที่เห็น นี่แหละครับ สิ่งที่อาร์ชาวินเห็น เหมือนกับสิ่งที่ผมคิดไว้เปี๊ยบเลย นักเตะที่มีคาเร็กเตอร์ที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆในทีมชุดนี้ ผมเห็นคงมีแค่"โทมัส แฟร์มาเล่น" กับ"เซส ฟาเบรกัส"เท่านั้น ไม่เหมือนกับทีมชุดไร้พ่าย ที่สภาพจิตใจนักเตะทุกคนเหี้ยมเกรียม พร้อมท้าชนกับทุกทีม


9.Competitors (ทีมคู่แข่งที่มากขึ้น)
ถ้าย้อนไปเมื่อ5-6ปีที่แล้ว มีทีมคู่แข่งที่เบียดแย่งลุ้นแชมป์ กับทีมปืนใหญ่อยู่แค่ทีมเดียว นั่นคือ "ปีศาสแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำให้การขับเคี่ยวแข่งกันลุ้นแชมป์ในสมัยนั้น ง่ายกว่าณ.ตอนนี้อยู่มาก ปัจจุบันในยุคเสี่ยหมีเรืองอำนาจ ทีม"สิงห์โตน้ำเงินคราม" เชลซี สอดขึ้นมาอีกหนึ่งทีม เพื่อแย่งลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แล้วทีมระดับเล็กๆยังสามารถยกระดับทีมของตนเอง ขึ้นมาต่อสู้กับทีมยักษ์ใหญ่อย่างสูสี ยุคนี้ทีมที่เจ๋งจริงเท่านั้น ที่สามารถครอบครองแชมป์พรีเมียร์ลีก....


10.(..............................)
.......................................หลายท่านสงสัยว่า ผมเว้นไว้ทำไม ผมไม่ได้ขี้เกียจหรือหมดมุขหรอกครับ แต่ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านคงมีคำตอบอยู่ในใจไว้บ้างแล้ว เชิญแสดงความคิดเห็นกันได้ตามสบายเลยครับ!!!!



NEVERDIE CLUB

วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

Eastern Europe "แหล่งผลิตนักเตะจอมเทคนิคชั้นดี...ราคาถูก"


ถ้าเราลองย้อนไป4-5ปีที่แล้ว เมื่อพูดถึงบรรดานักเตะจอมเทคนิค หลายๆคนก็จะเอ่ยถึงนักเตะจากบราซิ
ล อาเจนติน่า หรือโปรตุเกส โดยรวมๆแล้ว นักเตะที่เล่นด้วยเทคนิคจอมลีลา ผู้คนมักนึกถึงนักเตะจากโซนอเมริกาใต้เป็นอันดับต้นๆ โดยเฉพาะในลีกยุโรป นักเตะจากโซนนี้ถือเป็นสินค้าส่งออกขายดี ในพรีเมียร์ลีกก็เคยอินเทรนด์อยู่เหมือนกัน นำเข้าแข้งลาตินอย่างมากมาย อยู่ช่วงหนึ่ง


แต่แล้ว!!! นักเตะจากโซนอเมริกาใต้เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะปรับตัวกับความเร็วและความหนักหน่วงของลีกเมืองผู้ดีไม่ได้ เพราะนักเตะพวกนี้สภาพร่างกายและจิตใจ ยังเป็นรองนักเตะจากทวีปยุโรปและแอฟริกันอยู่มากนัก ทำให้ในช่วงระยะๆหลังที่ผ่านมา แข้งอเมริกาใต้ ไม่ค่อยได้รับความนิยม จากพรีเมียร์ชิพเหมือนเช่นเคย


พูดถึงเรื่องฟุตบอลก็คล้ายๆเรื่องของแฟชั่นอยู่เหมือนกัน เมื่อเทรนด์เก่าตกไป แทรนด์ใหม่ก็ขึ้นมาทดแทนอย่างรวดเร็ว หลังจากเทรนด์นักเตะอเมริกาใต้ถูกลดกระแสลง ก็มีเทรนด์กระแสนักเตะจากโซนยุโรปตะวันออกเข้ามาแทน


ทำไม!! ทำไม!! หรอครับ ถึงนักเตะจากโซนยุโรปตะวันออก จึงเป็นแข้งยอดฮิต ติดกระแสลมบนของพรีเมียร์ลีก ณ.ตอนนี้ ?



ก็เพราะว่าเหล่าบรรดาแข้ง"อีสเทิร์น ยุโรป" ผสมสานปรุงแต่ง ลงตัวด้วยเทคนิคและความแข็งแกร่ง เมื่อนักเตะจากโซนนี้ มาค้าแข้งในลีกชั้นนำของยุโรป โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก พวกเขาใช้เวลาปรับตัวไม่มากนัก สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีม ชนิดแบบว่าซื้อมาใช้ได้เลย ไม่ต้องปรุงแต่งให้เสียเวลา!!!



นักเตะจากโซนยุโรปตะวันออก ถือว่าอดทนทรหดพอสมควร เพราะเหล่าบรรดาแข้งพรสวรรค์เหล่านี้ ต้องลงต่อสู้แข่งขันท่ามกลางหิมะ เหน็บหนาว สภาวะอากาศที่โหดร้าย บางทีอากาศติดลบหลายองศา ในลีกประเทศของเขา เมื่อมาเจออากาศที่แปรปรวนของอังกฤษ ถือว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย



นักเตะอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน, โทมัส โรซิคกี้, ลูก้า โมดริช, นิโก้ ครานชาร์ ถือว่าเป็นสตาร์จอมเทคนิคแถวหน้าของพรีเมียร์ลีค
แล้วยังมี ยูริ เซอร์คอฟ, ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ ที่พร้อมพิสูจน์ตัวเอง เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะจอมเทคนิคอันดับต้นๆเหมือนรุ่นพี่



นักเตะจากย่านสหภาพโซเวียตเก่า ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดี อีกทางเลือกหนึ่ง ของลีกชั้นนำในยุโรป ค่าตัวที่ไม่แพงเวอร์เกินไปนัก อย่างมากก็ไม่เกิน20ล้านปอนด์ เมื่อเทียบกับราคาค่าตัว ของนักเตะจาก อังกฤษ สเปน หรืออิตาลี นักเตะจอมเทคนิคฝีเท้าระดับเดียวกับอาร์ชาวิน รับรองราคาค่าหัวเกิน 25 ล้านปอนด์ อย่างแน่นอน


ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้านักเตะจอมเทคนิคยุคใหม่ จะถูกแทนด้วยสตาร์จาก "อีสเทิร์น ยุโรป "เพราะนักเตะพวกนี้แกร่งพอ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นสตาร์แถวหน้าของลีกชั้นนำระดับท็อปๆของโลก ด้วยสนนราคาย่อมเยา คุ้มต่อการลงทุนเป็นอย่างยิ่งนัก......



NEVERDIE CLUB

มาดูโกลเจ้าของฉายา superman กัน(เหนียวมาก)