วันอาทิตย์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2553

ความเหมือนที่แตกต่าง ระหว่าง "11บาซ่ากับ11อาร์เซนอล"

ถึงตอนนี้ทุกคนคงทราบแล้วครับ ว่าทีมปืนใหญ่ของพวกเรา ถูกจับสลากโคจรมาพบกับโคตรอภิมหาทีมอย่างบาซ่า แน่นอนอยู่แล้วครับเมื่อทีมปืนใหญ่เจอกับทีมเต็ง1ของรายการถ้วยหูโต ย่อมเป็นงานหนักสาหัสโคตรหินของเหล่าพลพรรคเดอะกันเนอร์ส !!!

ทั้งทีมปืนโตและบาซ่า ต่างถูกยกย่องว่าเป็นทีมที่มีเกมรุกสวยงามเป็นอันดับต้นๆของยุโรป ถึงแม้ยอดทีมจากแคว้นกาลันตันจะทรงประสิทธิภาพมากกว่าทีมอาร์เซนอลอยู่หลาย ขุมก็ตาม แต่ก็ไม่แน่นอนครับลูกบอลกลมๆอยู่ในสนาม มีผู้เล่น22เท้าเท่ากัน อาจเกิดเหตุการณ์ช็อคเล็กๆ ส่งผลให้ยอดทีมจากนอร์ทลอนดอนเข้ารอบเซมิไฟนอลก็เป็นไปได้ วันนี้เนเวอร์ดายคอลัมน์ ขอจับประเด็นความเหมือนที่แตกต่างของ11ผู้เล่นอาร์เซนอลกับ11ผู้เล่นบาซ่า ว่ามีความคล้ายคลึงเหมือนกันอย่างไรไปติมตามชมกันครับ.....





1. อัลมูเนีย VS วัลเดซ

- นักเตะทั้ง 2 รายนี้เป็นชาวสเปนเหมือนกัน
- โอกาสในทีมชาติสเปนดูริบหรี่เหมือนกัน ถึงแม้ว่า วิคตอร์ วัลเดซ จะถูกเรียกติดทีมชาติบ่อยครั้งก็ตาม แต่เขาก็ได้รับเพียงแค่บทพระรองของ อีเคย์ คาซิยาส กับ โฆเซ่ เรน่า นายทวารมือ 1 และ 2 ของทีมชาติสเปนตามลำดับ ส่วนอัลมูเนียยังไม่เคยเรียกถูกติดทีมชาติ แม้แต่ซักครั้งเดียวเลย
- ทั้งคู่ต่างมักเซฟประตูลูกยากๆเหมือนกัน แต่บางครั้งเมื่อเจอลูกง่ายๆนายทวาร ทั้งรายนี้จะออกอาการเหวอให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นนายทวารมือ 1 ของทีม

2. เอบูเอ้ VS อัลเวส
- ทั้งคู่ต่างเป็นแบ็คขวาที่เติมเกมรุกอย่างสุดสะเด่ามาก ลีลาการกระชากลากเลื้อยเหมือนกับปีกธรรมชาติ
- แต่เกมรับของทั้งรายนี้ บางครั้งยังมีปัญหาอยู่ เปิดทางให้คู่แข่งเจาะทางกราบขวาอยู่บ่อยครั้ง และบางเวลาเอบูเอ้กับอัลเวส มักจะทำฟาล์วอย่างโจ่งแจ้งเกินไป ทำให้ทั้งคู่ถูกจดชื่อคาดโทษบ่อยครั้ง

3. คลิชี่ VS อัลบิดัล
- แบ็คซ้ายทั้ง 2 รายนี้ เป็นนักเตะทีมชาติฝรั่งเศสทั้งคู่
- เหมือนกับในคู่ของเอบูเอ้ และ อัลเวส การเติมเกมรุกของทั้งรายนี้ทำได้อย่างมันส์มาก แต่เกมรับมักเป็นบ่อน้ำมันให้คู่แข่งเจาะอยู่สม่ำเสมอ

4. แคมป์เบล VS ปูโยล
- ทั้ง 2 รายนี้เป็นนักเตะอาวุโสมากประสบการณ์เหมือนกัน บิ๊กโซลอายุ 35 ปี ส่วนปูโยลอายุย่าง 32 ปี ทั้ง 2 คนอายุรวมกันเกือบ 70 ปี
- เป็นนักเตะสูงใหญ่เหมือนกัน โดดเด่นในลูกกลางอากาศทั้งคู่ แต่เมื่อเจอศูนย์หน้าทีมคู่แข่งที่คล่องตัว มีความเร็ว ทั้ง 2 รายนี้มักมีปัญหาอยู่เหมือนกัน

5. แฟร์มาเล่น VS ปิเก้
- ทั้งคู่ต่างเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ อายุน้อยอนาคตไกล แฟร์มาเล่นอายุ 24 ปี ส่วนปิเก้ อายุเพียงแค่ 23 ปี
- ต่างเป็นแผงหลังเซนต์บอลดีทั้งคู่ ไม่ค่อยผิดพลาดง่ายๆ อ่านเกมทะลุปรุโปร่ง

6. ซง VS ตูเร่
- ทั้ง 2 รายเป็นนักเตะชาวแอฟริกันเหมือนกัน
- ทางบอลดี ตัดเกมเยี่ยม ครองบอลเหนียวแน่น คู่แข่งแย่งบอลยากมาก ถึงแม้จุดเด่นของทั้งคู่จะไม่ใช่ความเร็วก็ตาม

7. ดิยาบี้ VS อิเนสต้า
- ต่างเป็นนักเตะครองบอลดี เลี้ยงบอลขั้นเทพ พาบอลไปกับตัวได้ดี มักเป็นผู้เล่นดึงตัวประกบให้กับเพื่อน

8. ฟาเบรกัส VS ซาบี้
- เป็นนักเตะทีมชาติสเปนชุดใหญ่ทั้งคู่ ต่างเป็นหัวใจในแดนกลางทั้งสโมสรและทีมชาติ
- จุดเด่นของทั้งรายนี้ คือการอ่านเกมที่เด็ดขาด จ่ายบอลคิลเลอร์พาส ให้กับเพื่อนร่วมทีมทำประตูเป็นอย่างกอบเป็นกำ
- ทั้ง 2 รายนี้เป็นนักเตะไซค์มินิเหมือนกัน แต่ทดแทนด้วยทักษะทางฟุตบอลชั้นสูง

9. อาร์ชาวิน VS เมสซี่
- ต่างเป็นนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ทั้งคู่
- เทคนิค ทักษะ และฝีเท้า ระดับอัจฉริยะลูกหนัง เป็นผู้เล่นที่สร้างความแตกต่างให้กับทีม
- จุดเด่นของทั้งคู่เหมือนกัน คือไปกับบอลได้ดี จุดศูนย์ถ่วงต่ำ(ล้มยาก) และมักพังประตูอย่างสุดสวยงามให้กับทีมอยู่เสมอ
- เหมือนในรายของ เซส กับ ซาบี้ คือเป็นผู้เล่นตัวเล็ก แต่ทดแทนด้วยเทคนิคขั้นเทพ

10. วัลคอตต์ VS อองรี
- ต่างเคยเป็นนักเตะทีมอาร์เซนอล (ถึงแม้อองรีจะเป็นอดีตตำนานนักเตะปืนโตก็ตาม)
- ความเร็วจัดจ้านทั้งคู่ ถ้าคู่แข่งเปิดพื้นที่ให้เล่น รับรองถูกกระชากหนีไม่เห็นฝุ่น
- ได้รับโอกาสลงเล่นจากสโมสร ไม่สม่ำเสมอเหมือนกัน เนื่องจากอาการบาดเจ็บของทั้งคู่ จึงส่งผลกระทบถึงฟอร์มการเล่น

11. เบนด์เนอร์ VS อิบราฮิโมวิซ
- เป็นนักเตะที่มีถิ่นกำเนิด จากแถบสแกนดิเนเวียทั้งคู่ เบนด์เนอร์เป็นชาวเดนมาร์ก ส่วนซลาตัน เป็นชาวสวีเดน
- เป็นนักเตะสูงใหญ่ทั้งคู่ เล่นลูกกลางอากาศได้ดี ส่วนบอลภาคพื้นดินก็ไม่เป็นปัญหาเหมือนกัน เลี้ยงบอลดี ครองบอลสุดยอด
- และทั้งคู่ต่างมีข้อเสียคล้ายๆกันคือ บางจังหวะลูกจ่อๆง่ายๆต่อการทำประตู แต่กลับทำหมูหกไปอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะเบนด์เนอร์ ที่ได้รับฉายาใหม่จากแฟนบอลว่า ไอ้สากชมพู 555


ถึงแม้ผู้เล่นบางคนที่ผมนำมาเปรียบเทียบ ในสโมสรจะไม่มีตำแหน่งตัวจริงการันตีก็ตาม แต่เน้น ขอย้ำนะครับ!!! ว่าผมเน้นผู้เล่นที่มีลักษณะหลายๆอย่างที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นความเหมือนที่บังเอิญคล้ายกัน แทบๆจะเหมือนกันทุกตำแหน่งเลย ซึ่งณ.ตอนนี้ ทุกคนยังไม่รู้ว่าทีมไหนคือของจริง หรือทีมไหนคือของปลอมที่ทำเหมือน แต่บทสรุปท้ายสุดจะอยู่ที่ตอนจบเกมนัดที่ 2 ในถิ่น คัมป์ นู นั่นแหละทีมที่ผงาดเข้ารอบ4 ทีมสุดท้ายไปพบกับ ทีมอินเตอร์ มิลาน หรือ ซีเอสเคเอ มอสโก จะกล้าพูดเต็มปากว่าทีม ข้านี่แหละคือของจริง 555



NEVERDIE CLUB

วันอังคารที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2553

4 เหตุผล ที่ "วัลคอตต์ เหมาะสมเป็นผู้เล่นไอ้ปืนใหญ่"

ก่อนอื่นต้องขอกล่าวคำว่า "สุขสันต์วันคล้ายวันเกิด ครบรอบอายุ 21 ปี นะเจ้าวัลคอตต์" เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าครับ แน่นอนขึ้นชื่อเรื่องมาแบบนี้ พระเอกของเรื่องคงหนีไม่พ้น จรวดทางเรียบของทีมปืนโต เจ้าหนู ธีโอ วัลคอตต์ นักเตะภรรยา เฮ้ย!!! แฟนสวย 555+

หลายคน ทั้งแฟนบอลและนักวิจารณ์ปากกรรไกร ต่างออกมาแสดงทรรศนะเย้ยหยัน เจ้าหนูธีโอว่า มีแต่ความเร็วอย่างเดียว ขาดความเข้าใจเกมลูกหนัง ไร้ซึ่งเทคนิค และลูกพลิกแพลง เมื่อเจอนักเตะทีมคู่แข่งประกบติด ก็ถึงกับเล่นไม่ออก บางคนถึงกับพูดแรงว่า วัลคอตต์ไม่คู่ควร ที่จะสวมใส่ชุดสีแดงขาว ของทีมอาร์เซนอลด้วยซ้ำไป แต่เพราะอะไร อาแซน เวนเกอร์ บรมครูกุนซือลูกหนัง จึงให้โอกาสเขาอยู่อีก กระผมในฐานะสาวกเดอะกันเนอร์มานานพอสมควร จึงขอวิเคราะห์ อ่านใจเวนเกอร์ว่า ทำไม? วัลคอตต์จึงเหมาะสมเป็นผู้เล่นไอ้ปืนใหญ่ ไปติดตามชมกันครับ.....




1.Distinction Player (ตัวสร้างความแตกต่างของทีม)

เหลือบมองดูผู้เล่นแนวรุกของทีมปืนใหญ่ อุดมไปด้วยนักเตะสุดยอดเทคนิคทั้งนั้น อังเดร อาร์ชาวิน , ซามีร์ นาสรี่ , โทมัส โรซิคกี้ ล้วนแต่เป็นสตาร์จอมเทคนิคแถวหน้าของพรีเมียร์ลีก แล้วทำไมเวนเกอร์ จะขอมีผู้เล่นที่เทคนิคน้อย แต่ความเร็วสูงไว้กับทีมบ้างซักคนนึง เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับทีม เปรียบเทียบเหมือนกับอาวุธละครับ ในยามสงครามเรามีอาวุธชนิดเดียวกันเกือบทั้งกองทัพแล้ว ทำไมเราจะมีอาวุธที่แตกต่าง เพื่อเอาไว้ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกันบ้างละครับ โดยเฉพาะวัลคอตต์ เขามีประโยชน์มาก กับเกม Counter Attack (โต้กลับเร็ว) ในเกม UCL หลายปีก่อน ที่ทีมปืนใหญ่พบกับ AC MILAN วัลคอตต์ใช้ความเร็วสูงกระชาก หนีผู้เล่นรุ่นน้าของทีมปีศาจแดงดำ เปิดให้อเดบายอร์ทำประตูได้อย่างสุดสวยงาม นี่แหละครับ คือสถานการณ์ของทีมปืนใหญ่ ที่เหมาะสมกับอาวุธนามว่า ธีโอ วัลคอตต์


2. English Nation (สัญชาติอังกฤษ อิงลิซชน)

เวนเกอร์ถูกวิจารณ์อย่างหนักมาก ว่าเป็นบ่อนทำลายทีมชาติอังกฤษโดยทางอ้อม เพราะลองไล่เรียงดูนักเตะทีมปืนใหญ่ ในยุคของเวนเกอร์ ผู้เล่นอังกฤษแทบจะกลายเป็นส่วนเกินในทีมของเขาไปเลย แน่นอนอยู่แล้วครับ ผู้เล่นอังกฤษขึ้นชื่อว่า ราคาแพงเวอร์เกินกว่าฝีเท้า แถมด้วยเทคนิคอันน้อยนิด มีจุดแข็งแค่สมรรถภาพทางร่างกายอย่างเดียวเสียละกระมัง จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยม สำหรับกุนซือขี้เหนียวอย่างเวนเกอร์ซักเท่าไหร่ ทางFIFAตระหนักถึงเรื่องนักเตะท้องถิ่นเป็นอย่างมาก จึงมีการพูดถึงกฏ 6+5 (6 คือนักเตะท้องถิ่น 5 คือนักเตะต่างชาติ )เพื่อมาแก้ไขวิกฤตินี้ อาละครับถ้ากฎนี้คลอดออกมาจริง นักเตะอย่าง ธีโอ วัลคอตต์ , แจ็ค วิลเชียร์ , คีแรน กิ๊บส์ และ เคล็ก อีสต์มอนส์ จะเป็นประโยชน์ต่อทีมเรามาก ซึ่งผมดูเหมือนว่า เวนเกอร์จะมีแผนรับมือกับกฏนี้ไว้แล้ว ดูได้จากผู้เล่นอคาเดมี่ของทีมปืมปืนใหญ่ณ.ตอนนี้ มีนักเตะสัญชาติอังกฤษ ฝีเท้าดีล้นทีม


3. Nice Guy By Walcott (นักเตะมุ่งมั่น แบบอย่างที่ดี ทั้งในและนอกสนาม)
ผมเคยอ่านประวัติของวัลคอตต์คร่าวๆ น่าเอาแบบอย่างการใช้ชีวิตของเจ้าหมอนี่ ไปเป็นแบบอย่างการใช้ชีวิตของวัยรุ่นทั่วไปซะจริงๆ ธีโอไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอลล์ทุกชนิด ถ้าเขานัดเดทกับเมลานี่แฟนสาวสุดสวย ก็จะใช้ร้านนม หรือร้านเครื่องดื่มช็อคโกแล็ตเป็นที่สวีทหวานกันแฟนสาว ชีวิตส่วนตัวนอกสนามของเขา ไม่ค่อยมีเรื่องเสื่อมเสียมาถึงสโมสร ส่วนชีวิตในสนามก็เหมือนกัน วัลคอตต์ไม่ใช่นักเตะประเภทแบ็ดบอยเล่นนอกเกม และสิ่งที่น่าชื่นชมมากที่สุด เมื่อไม่นานนี้เอง ว้อดเดิ้ลอดีตนักเตะตำนานปีกขวาทีมชาติอังกฤษ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เจ้าหนูธีโออย่างรุนแรง ชนิดแบบว่าถ้าผมโดนด่าแบบนี้ อาจจะเอาเท้ายัดปากคนพูดอยู่เหมือนกัน แต่กลับกันธีโอนิ่งเฉย ตั้งหน้าตั้งตาเล่นต่อไป ใช้ผลงานในสนามตอกกลับว้อดเดิ้ลไปฉากใหญ่ ไม่รู้ว่าตอนนี้ว้อดเดิ้ลยังคงกล้าพูดเหมือนเดิมอยู่อีกไหม นี่แหละครับคือสิ่งที่เวนเกอร์เห็นในตัวเจ้าหนูธีโอ และผมเชื่อว่าเวนเกอร์จะใช้ ธีโอ วัลคอตต์ เป็นแบบอย่างที่ดีกับนักเตะรุ่นน้องในอนาคตต่อไป...


4. New Henry (ราชาคนใหม่ของทีมปืน)

ตอนเริ่มแรกที่วัลคอตต์ก้าวเข้ามาสู่ทีมปืนใหญ่ หลานฝ่ายรวมทั้งเวนเกอร์ออกมาพูดทำนองเดียวกันว่า เด็กคนนี้แหละคือผู้ที่จะสืบทอดตำนานต่อจาก เธียร์รี่ อองรี นักเตะเจ้าของสถิติทำประตูสูงสุดของทีมอาร์เซนอล ด้วยสปีดต้นความเร็วที่สูสีกัน ถึงแม้ทักษะและเทคนิคของเจ้าหนูธีโอจะด้อยกว่าพี่ห้อยอยู่หลายขุมก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเจ้าติติ๊ กว่าที่จะเป็นสุดยอดดาวยิง ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้เวลาพิสูจน์ตัวเองมากพอสมควร อองรีเคยรับบทบาทปีกซ้ายในสมัยอยู่กับทีมยูเวนตูส ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร หลังจากนั้นเวนเกอร์ดึงตัวเขามาสู่รั้วไฮบิวรี่ เจ้าห้อยใช้เวลาพักนึงกว่าจะปรับจูนคลื่น จนเป็นดาวยิงสูงสุดของทีม ผมเชื่อครับว่าอีกไม่นาน เวนเกอร์จะปรับให้เจ้าหนู ธีโอ วัลคอตต์ รับบทบาทศูนย์หน้าอย่างเต็มตัว ณ.ตอนนี้เวนเกอร์ให้เวลาวัลคอตต์เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เรียกความมั่นใจกับผู้เล่นตำแหน่งผู้เล่นริมเส้นไปเสียก่อน ผมเห็นลูกที่วัลคอตต์เลี้ยงด้วยเท้าขวาก่อนล็อคเข้าเท้าซ้าย ยิงประตูทีมเบิร์นลี่ย์ทางเสาสองอย่างสุดสวยงาม ทำให้อดนึกถึงประตูของอองรี ที่ทำในไฮบิวรี่เป็นประจำไม่หาย ติติ๊เลี้ยงบอลด้วยความเร็วจากเท้าซ้ายก่อนหักเข้าใน แปด้วยเท้าขวาเข้าเสาสองอย่างเหนือชั้น ลูกยิงของทั้ง2คนนี้ช่างคล้ายคลึงกันเสียจริงๆ


แน่นอนครับ ในยามเมื่อนักเตะเล่นไม่ได้ดั่งใจเรา ย่อมมีอารมณ์หงุดหงิดเป็นธรรมดา ผมว่าบ่นได้ครับแต่อย่าถึงกับดูทอว่านักเตะคนนี้ไม่สมควรเป็นผู้เล่นทีมที่ เราเชียร์เลย ผู้จัดการทีมและโค้ชเป็นคนที่รู้จักตัวนักเตะมากที่สุด ถ้าผู้เล่นคนนั้นไม่ดีจริง เขาคงไม่เก็บไว้ร่วมทีมหรอก ดังนั้นเราควรเปลี่ยนจากคำด่าทอมาเป็นการให้กำลังใจเสียดีกว่า สุดท้ายแล้วครับ ผมขอฝากสโลแกนให้กับแฟนบอลทุกๆท่าน

" หยุดใช้(ถ้อยคำ)ความรุนแรง กับเด็ก สตรีและนักฟุตบอลเสียเถอะครับ " ไปแระ 555



NEVERDIE CLUB

วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

10 สุดยอดการซื้อนักเตะของเวนเกอร์

ขึ้นชื่ออยู่แล้วครับ สำหรับกุนซือหน้าเหี่ยวรายนี้ ในการประสบความสำเร็จของการซื้อนักเตะในราคาย่อมเยา แล้วนำมาปลุกปั้นให้เป็นนักเตะชื่อดังระดับโลก บางรายถึงขั้นเป็นซุปเปอร์สตาร์ของพรีเมียร์ลีก ไม่ใช่แค่เพียงเท่านี้ เวนเกอร์ยังขายผู้เล่นเหล่านั้นทำกำไรเข้าสู่สโมสรอย่างมากมาย มีรายได้ถึงขั้นสร้างสนามใหม่ ถึงแม้จะกู้เงินบางส่วนมาสร้างสโมสรก็ตาม เอาละครับเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ท่านผู้อ่านลองไปติดตามชม10สุดยอดการซื้อนักเตะของเวนเกอร์ ที่ผมเรียบเรียงมาให้ดูกันเลยครับ.....




1.ปาทริค วิเอร่า (ค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์)
อดีตกัปตันยุคไร้พ่ายของทีมปืนใหญ่ ปาทริค วิเอร่า เป็นผู้เล่นรายแรก ที่เวนเกอร์เซ็นมาร่วมทีมล่วงหน้า ก่อนที่เขาจะมาคุมทีมอาร์เซนอล 1เดือน ด้วยค่าไม่กี่ล้านปอนด์ วิเอร่าใช้เวลานาน 9ปี อยู่กับทีมปืนใหญ่ ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือเอฟเอคัพ ก่อนที่จะถูกทีม "ม้าลาย" ยูเวนตุสเซ็นสัญญาคว้าตัวไปร่วมทีม ด้วยค่าตัวประมาณ 13.7 ล้านปอนด์




2.มาร์ค โอเวอร์มาร์ส (ค่าตัว 7 ล้านปอนด์)
ปีกความเร็วสูงของทีมเดอะกันเนอร์ เวนเกอร์จัดการดึงตัวมาจากทีม อาแอ็กซ์ อัมส์เตอร์ดัม ด้วยค่าตัวประมาณ 7 ล้านปอนด์ในปี 1997 และในปีแรกของเขา ปีกจรวดทางเรียบก็ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จคว้าดับเบิ้ลแชมป์ หลังจากนั้นเวนเกอร์ก็ขายเขา ให้กับทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บาเซโลน่าด้วยค่าตัวมหาศาล 25 ล้านปอนด์ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดของสโมสรเลย




3.นิโคลาส์ อเนลก้า (ค่าตัว 5 แสนปอนด์)
นักเตะจอมพเนจร นิโคลาห์ อเนลก้า เริ่มต้นชีวิตการค้าแข้งกับทีม "เปแอชเช" ในลีกบ้านเกิดของเขา เวนเกอร์เห็นแววเด่น จึงจัดการดึงตัวมาร่วมทีมอาร์เซนอล ด้วยค่าตัวอันแสนถูก 5 แสนปอนด์ อเนลก้ามีส่วนช่วยให้ทีมปืนใหญ่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ ในฤดูกาล
1997-98 และในช่วงซัมเมอร์ปี 1999 อเนลก้า ถูกทีม "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ซื้อตัวไปด้วยราคา 22.3 ปอนด์ ซึ่งบวกลบคูณหาร ทีมปืนใหญ่ได้กำไรจากอเนลก้าเกือบถึง 22 ล้านปอนด์




4.เฟร็ดเดอริค ลุงเบิร์ก (ค่าตัว 3 ล้านปอนด์)
ปีกขวานายแบบกางเกงใน ย้ายมาจากทีมฮามสตัดส์ ในลีกบ้านเกิดของเขา ด้วยสนนค่าตัว 3 ล้านปอนด์ ลุงเบิร์กถือเป็นผู้เล่นรายต้นๆของเวนเกอร์ ที่ประสบความสำเร็จในการซื้อขาย นักเตะสวิดิชรายนี้ประจำตำแหน่ง แนวรุกทางด้านขวาของทีมปืนใหญ่ ประเดิมนัดแรกก็ยิงทีม"ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้เลย ซึ่งการสอดขึ้นทำประตูเป็นจุดเด่นของเขา ช่วยแบ่งเบาภาระของศูนย์หน้าได้เยอะเลยทีเดียว




5.เอ็นวานโก้ คานู (ค่าตัว 4.5 ล้านปอนด์)
นักเตะชาวไนจีเรียรายนี้ มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ ในช่วงสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับทีม "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน เวนเกอร์ กุนซือตาเหยี่ยวจึงสบโอกาสเซ้งนักเตะเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิค ด้วยสนนราคาย่อมเยา 4.5ล้านปอนด์ และนักเตะร่างโย่งรายนี้ก็ไม่ทำให้เวนเกอร์ผิดหวัง เทคนิคและทักษะการครองบอลของคานู ทำให้คู่แข่งในพรีเมียร์ลีกปวดเศียรเวียนเกล้ากันเป็นทิวแถว




6.เธียร์รี่ อองรี (ค่าตัว 10.5 ล้านปอนด์)
ศูนย์หน้าปากห้อยรายนี้ เคยร่วมงานกับ อาแซน เวนเกอร์ ที่โมนาโน แต่หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ต่างพลัด ไปร่วมงานกับสโมสรอื่น ก่อนที่จะมาโคจรพบอีกครั้งที่ไฮบิวรี่ อองรีในช่วงก่อนที่มาอยู่กับไอ้ทีมปืนใหญ่ เขาเคยค้าแข้งอยู่ใน"กัลโซ่ ซีรีย์อาร์" กับสโมสร ยูเวนตุส ในตำแหน่งปีกซ้าย แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร กุนซือมาดละเมียดจึงดึงตัวเขามาร่วมงานอีกครั้งที่อาร์เซนอล ด้วยสนนราคาประมาณ 10.5 ล้านปอนด์ กับบทบาทใหม่ ศูนยหน้าจอมถล่มประตู ด้วยสถิติการพังทำประตูสูงสุดของสโมสรด้วยจำนวนจำนวน 226 ประตู




7.โรแบร์ ปิแรส (ค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์)
นักเตะปีกเคราแพะ จอมพริ้วของทีมไอ้ปืนใหญ่ ย้ายมาร่วมงานกับ อาแซน เวนเกอร์ ในปี2000 จาก โอลิมปิค มาร์กเซย์ ด้วยค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์ ปิแรสใช้เวลาไม่นานนัก ก็เข้ามาเป็นขวัญใจของเหล่าสาวก "เดอะกูนเนอร์"ทันที นักเตะสังกัดทีม บียาร์รีล ในปัจจุบัน เคยได้รับรางPFA (นักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก)ในสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับทีมอาร์เซนอลด้วย




8.โคโล่ ตูเร่ (ค่าตัว 1.5 แสนปอนด์)
อดีตปราการหลังของทีมปืนใหญ่ ย้ายมาจาก Asec Abid ด้วยค่าตัว 1.5 แสนปอนด์ เริ่มต้นกับทีมอาร์เซนอลด้วยบทบาทศูนย์หน้าื หลังจากนั้นเวนเกอร์ปรับให้เขาไปเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค ตูเร่คือแผงหลังที่อยู่ในชุดไร้พ่าย49นัด ของทีมปืนโต ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ตูเร่ตัดสินใจขึ้นเหนือย้ายไปร่วมทีม "เรือใบสีฟ้า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 14 ล้านปอนด์




9.เซส ฟาเบรกัส (ค่าตัวประมาณ 1 ล้านปอนด์)
กัปตันทีมอาร์เซนอล ในชุดปัจจุบัน เซส ฟาเบรกัส ย้ายมาร่วมทีมปืนใหญ่ ด้วยค่าตัวประมาณ 1 ล้านปอนด์ (เป็นค่าประมาณค่าตัวของฟานบรองฮอส ที่ย้ายสลับกับ เซส ซึ่งก่อนหน้านั่นทีมอาร์เซนอล เซ็นสัญญาฟาเบรกัสมาแบบฟรีๆ เพราะนักเตะอายุยังไม่ถึง 17 ปี ไม่สามารถเซ็นสัญญาอาชีพกับทีมบาซ่าได้ ทีมบาเซโลน่าจึงร้องค่าชดเชย เวนเกอร์จึงส่งฟานบรองฮอสเป็นค่าทดแทน) ผลงานของฟาเบรกัสกับทีมปืนใหญ่ ผมคงไม่ขอสาธยายแล้วหล่ะ เพราะเห็นคุณภาพกันอยู่ ถ้าประมาณค่าตัวของเซสในตอนนี้ น่าจะเกิน 30 ล้านปอนด์อย่างแน่นอน




10.โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ (ค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์)
ดัชต์คอนเน็คชั่น ต่อจาก เจ้า"ไอซ์เบิร์ก" เดนนิส เบิร์กแคมป์ ซ้ายสั่งได้ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ศูนย์หน้าเท้าหนัก อดีตนักเตะทีม เฟเนยอร์ด โรบิ้นมีปัญหากับผู้จัดการทีมในสมัยนั้น เวนเกอร์กุนซือจอมฉวยโอกาส จึงเซ็นสัญญา มาด้วยค่าตัว 2.75 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าถูกมากเหมือนกับได้มาฟรี ฟานเพอร์ซี่กับทีมปืนใหญ่ เขาพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาเรื่อยๆจนเป็นศูนย์หน้าตัวหลักที่ทีมขาดไม่ได้ (RVPเจ็บยาวเห็นผลกระทบเลย) ค่าตัวของเขาณ.ตอนนี้ น่าจะเกิน20ล้านปอนด์


นอกจากนักเตะ 10 รายนี้แล้ว ยังมีนักเตะอีกหลายคนที่เวนเกอร์ประสบความสำเร็จในการซื้อขาย ไม่ว่าจะเป็น โซล แคมป์เบล ที่เวนเกอร์เซ็นมาฟรี เป็นถึงแผงหลังในชุดไร้พ่าย หรือเอ็มมานูเอล เปอตีย์ ที่ย้ายร่วมทีมมาพร้อมกับโอเวอร์มาร์สด้วยค่าตัว 3.5 ล้านปอนด์ เป็นแผงกลางชุดดับเบิ้ลแชมป์ของทีมปืนใหญ่ หรือ ไอ้สากทรยศ อเดบายอร์ ที่เวนเกอร์เซ็นสัญญามาจากโมนาโก ด้วยค่าตัว 7 ล้านปอนด์ ขายให้กับทีมซิตี้ไป 20 ล้านปอนด์ ทำกำไรเห็นๆถึง 13 ล้านปอนด์



NEVERDIE CLUB

มาดูโกลเจ้าของฉายา superman กัน(เหนียวมาก)