แม้ว่านักเตะในตำแหน่ง "โฮลดิ้ง มิดฟิลด์" จะเป็นเรื่องไกลตัวไปหน่อยสำหรับแฟนบอลอย่างพวกเรา เพราะพื้นฐานในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลางเป็นที่รู้จักกันทั่วไป ก็มีมิดฟิลด์ตัวตัดเกม ตัวเพลย์เมกเกอร์ และมิดฟิลด์ห้องเครื่องของทีม ว่าไปแล้วคนส่วนมากจะพูดถึงแต่เทคนิคอันแพรวพราวของเหล่านักเตะเพลย์เม กเกอร์ทั้งหลาย ทั้งที่นักเตะในตำแหน่ง"โฮลดิ้ง มิดฟิลด์" มีความสำคัญต่อทีมไม่น้อยกว่าผู้เล่นในตำแหน่งอื่นเลย(บางทีอาจสำคัญกว่า ด้วยซ้ำไป) นักเตะจำพวกปิดทองหลังพระอย่าง"โฮลดิ้ง มิดฟิลด์"ในยุคนี้ มีใครบ้างที่เป็นสุดยอดราชัน ในตำแหน่งที่โลกลืม พวกเราลองมาติดตามกัน....
5. เดนิลสัน
หลายคนอาจจะงงว่า"เดนิลสัน" นักเตะที่ไม่มีตำแหน่งในทีมชาติชุดใหญ่ของบราซิล ติดโผสุดยอดผู้เล่นในตำแหน่งนี้ได้มาอย่างไร แต่ถ้าลองมาวิเคราะห์ผลงานกับความสม่ำเสมอของเขาจริงๆ ผมก็คงไม่สามารถกาชื่อของอตีตกัปตันทีมชาติบราซิลชุดเล็กรายนี้ไปได้เลย เพราะว่าไปแล้วถ้าเดนิลสันไม่เจ็บ รับรองเวนเกอร์การันตีตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงให้กับเขาแทบทุกๆเกม เดนิลสันถือว่าเป็นตัวช่วยซัพพอร์ทแนวรับในแผงกลางทำให้ "อเล็กซ์ ซง" เล่นได้ง่ายขึ้น จังหวะขวางบอลที่แม่นยำ การอ่านเกมที่ทำได้ค่อนข้างดี ทำให้โฮลดิ้งแมน ของทีม"ไอ้ปืนใหญ่"ติดโผมาอยู่ในอันดับที่ 5
4. ไมเคิล คาร์ริค
"ไมเคิล คาร์ริค" นักเตะโฮลดิ้งแมนกึ่งตัวตัดเกมของทีม"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ตั้งแต่อดีตนักเตะ "ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์" รายนี้ย้ายมาสู่รัง"โอลด์ แทรฟฟอร์ด" เขาถือเป็นนักเตะที่ช่วยสร้างสมดุลย์ในแดนกลางของทีมผีแดงให้แข็งแกร่งมาก ขึ้น ทางบอลที่ดี มีการอ่านเกมที่เด็ดขาด ทำให้แผงหลังของทีมไม่ค่อยเจอกับงานหนักนัก เมื่อเขาอยู่ในสนาม นักเตะเจ้าของหมายเลขเสื้อ เบอร์16ของทีม มีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมปีศาจแดงดว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก3สมัย และแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค เมื่อ2ปีก่อน แต่เสียอยู่อย่างเดียวที่ตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษของเขา ไม่มั่นคงเหมือนกับในสโมสร
3. ชาบี้ อลอนโซ่
อดีตโฮลดิ้ง มิดฟิลด์ของทีม"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มีส่วนสำคัญกับแชมป์ UCL ในปีแรกของเขากับราฟา และช่วยให้ทีมเกือบได้แชมป์พรีเมียร์ลีคเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ถึงแม้ "อลอนโซ่"จะไม่มีความรวดเร็วคล่องตัวเหมือนกับโฮลดิ้ง มิดฟิลด์รายอื่นๆ แต่เขาก็ทดแทนด้วยคุณสมบัติหลายอย่าง ทั้งการวางบอลยาวที่แม่นยำ รวมถึงลูกยิงไกลและฟรีคิก ที่่ถือเป็นทีเด็ดของนักเตะชาวสเปนรายนี้อีกด้วย แน่นอนนักเตะสำคัญอย่างอลอนโซ่ เมื่อทีมลิเวอร์พูลขาดไป จึงส่งผลกระทบมาถึงฟอร์มที่ยำ่แย่ของทีมหงส์แดงในฤดูกาลนี้ด้วย ผมเลยจึงขอส่งชื่อ "ชาบี้ อลอนโซ่"นักเตะของทีม "รีล มาดริด"ติดอยู่ในท็อปทรีของนักเตะในตำแหน่งนี้ด้วยครับ
2.อันเดรีย ปีร์โล่
มิดฟิลด์เท้าช่างทองจากค่าย "เอซี มิลาน" และนักเตะทีมชาติชุดใหญ่ของอิตาลี่ แน่นอนความสำเร็จของทีมปีศาจแดงดำ ในเวทียุโรปในช่วงทศวรรษนี้ "อันเดรีย ปีร์โล่" มีส่วนสำคัญอยู่มาก นอกจากนั้นเขาก็ยังเป็นนักเตะที่อยู่เบื้องหลังในความสำเร็จของทีมอัสซูรี่ ในศึกเวิลด์คัพ 2006 ถึงแม้ทัวนาเมนต์นั้น "ฟาบิโอ คันนาวาโล่"จะได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยื่ยมก็ตาม ถ้าพูดถึงนักเตะในตำแหน่ง โฮลดิ้ง มิดฟิลด์ จะมีรายชื่อของ"ปีร์โล่"ติดอยู่ในอันดับต้นๆอยู่เสมอ การวางบอลที่แม่นยำ ฟรีคิกที่เด็ดขาด รวมถึงการครอนโทรนแดนกลางได้อย่างเนียนตา ทำให้เขาอยู่ในอันดับ2อย่างไม่น่าสงสัยเลย
1.ชาบี้ เฮอร์นันเดส
ถ้าพูดถึงนักเตะปิดทองหลังพระขนานแท้ ต้องยกให้ "ชาบี้ เฮอนันเดส" นี่แหละครับ หลายๆคนอาจจะประทับใจกับลีลาการกระชากลากเลื้อยของ "ลีโอเนล เมสซี่" แต่อย่าลืมว่า "ชาบี้ เฮอนันเดส" เขาเป็นตัวคอยช่วยควบคุมจังหวะในแดนกลาง ทำให้เมสซี่เล่นได้ง่ายขึ้น นักเตะยอดเยื่ยมในทัวว์นาเมนต์ ยูโร2008 เขามีส่วนช่วยให้ทีมชาติสเปนคว้าแชมป์ยุโรป และทีมบาซ่าคว้า6แชมป์ในรอบปีนี้ สดๆร้อนผ่านมาไม่กี่วันเอง ชาบี้เพิ่งได้รับรางวัลนักเตะยอดเยื่ยมอันดับ3ของโลก(FIFA WORLD PLAYER OF THE YEAR) แน่นอนเขาคือนักเตะหมายเลข1ของมิดฟิลด์ตัวกลาง หรือ โฮลดิ้งมิดฟิลด์ในยุคนี้ แบบที่คู่แข่งไม่เห็นฝุ่นเลยครับ
์...........................
NEVERDIE CLUB
วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
Denilson "The Holding Man"
กราบสวัสดีมิตรรักแฟนปืนทุกท่าน (สำนวนเสี่ยวไปรึเปล่า 555+) เอาละครับขึ้นหัวเรื่องมาแบบนี้ พระเอกของเรื่องคงหนีไม่พ้น "เดนิลสัน เปอไรรา เนเวส" หรือที่แฟนปืนรู้จักกันสั้นๆนามว่า เดนิลสัน ลูกรักของป๋าเวนเกอร์ หนึ่งในแก็งค์จตุรเทพแห่งเอมิเรสต์ ฮ่าๆๆ แล้วน้องสั้นกับ The Holding Man เกี่ยวกันอย่างไร เอาเป็นว่าทุกท่านลองติดตามดูละกันครับ......
ผมรู้จัก เดนิลสัน ครั้งแรกก็เมื่อในปี 2006 นักเตะชาวบราซิลร่างเล็กย้ายมาจากทีม "เซาเปาลู" (เขียนอย่างนี้นะครับ ไม่ใช่ "เซาเปาโล" อย่างที่เข้าใจผิดกัน) ด้วยค่าตัว 5ล้านปอนด์ ในช่วงแรกที่เขาย้ายสู่ทีมอาร์เซนอล เวนเกอร์วางบทบาทของเดนิสันไว้ในตำแหน่ง Central Midfield ซึ่งเป็นตัวตายตัวแทนของ "เซส ฟาเบรกัส" เดนิลสันกับบทบาทนี้ถือว่าทำค่อนข้างใช้ได้พอสมควร ถึงขนาดกัปตันทีมยุคนั้น "เธียร์รี่ อองรี" ออกปากชมว่าเดนิลสันปรับตัวกับระบบทีมได้อย่างรวดเร็ว
ฤดูกาลที่ 2 ของเดนิลสัน ทีมเดอะกันเนอร์เสียผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ(Defensive Midfield)ไปถึง2คน ได้แก่ "มาติเยอ ฟลามินี่" กับ "จิลแบร์โต้ ซิลวา" เวนเกอร์เลยถอยเดนิลสัน ไปรับบทบาทใหม่ นั่นคือมิดฟิลด์ตัวตัดเกมและก็เป็นผู้เล่นตัวจริงของทีมเสียด้วย (ในตอนนั้น "อเล็กซ์ ซง" เป็นเพียงแค่ตัวสำรองของเดนิลสัน) แต่ด้วยสรีระที่เล็กและบอบบางของเดนิลสัน บวกกับประสบการณ์ที่ยังน้อยอยู่ ทำให้เขาสู้แรงประทะกับพวกมิดฟิลด์ฮาร์ดแมนไม่ไหว และก็ยังไม่นิ่งเท่าที่ควรเมื่อเจอทีมคู่แข่งบีบเกมเพรสซิ่งเร็ว ผลลัพธ์ก็คือเดนิลสันยังไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับแฟนบอลส่วนใหญ่ได้ ในบทบาทนี้
เวนเกอร์คงเห็นว่า "อเล็กซ์ ซง" เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับได้ดีกว่าเดนิลสัน จึงเปลี่ยนบทบาทนี้ให้กับ "อเล็กซ์ ซง" แทน และซงก็ไม่ได้ทำให้แฟนๆและเวนเกอร์ผิดหวัง มีพัฒนาการฝีเท้าที่เร็วมาก และก้าวมาเป็นผู้เล่นตัวหลัก ที่ทีมเราขาดไม่ได้เลย ณ.ตอนนี้
แล้วลูกรักอย่าง "เดนิลสัน" ละ แน่นอนเวนเกอร์ไม่ให้เป็นตัวสำรองแน่ ?
ในฤดูกาลนี้ เวนเกอร์ จัดการปรับแผนใหม่ ให้เข้ากับผู้เล่นของทีม โดยเปลี่ยนจาก 4-4-2 ที่มีมิดฟิลด์ตัวกลางอยู่2คน เป็น4-3-3ที่แดนกลางอัดมิดฟิลด์แน่นถึง3คน
การจำแนกหน้าที่แดนกลางเป็นดังนี้
1.เซส ฟาเบรกัส มิดฟิลด์ห้องเครื่องของทีม(Central Midfield) หน้าที่ คอยควบคุมกำหนดจังหวะช้าเร็วของทีม
2.อเล็กซ์ ซง มิดฟิลด์ตัวเกม (Defensive Midfield) หน้าที่ คอยทำลายเกมรุกของทีมคู่แข่งก่อนจะถึงแดนหลัง
3.เดนิลสัน มิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกมแดนกลาง(Holding Midfield)
หลายท่านคงสงสัย ว่าโฮลดิ้งมิดฟิลด์คืออะไร และมีหน้าที่อย่างไร?
ผมจะขออธิบายแบบสั้นแต่เน้นใจความว่า โฮลดิ้งมิดฟิลด์ของแต่ละทีม มีหน้าที่แตกต่างกันไป แต่โดยส่วนมากหน้าที่หลักๆคือ ช่วยมิดฟิลด์ตัวรับ ในการเก็บกวาดบอลก่อนถึงแนวปราการหลัง ครอนโทรลจังหวะของเกม และเซ็ทบอลเพื่อเปิดเกมรุกให้แก่เพื่อน ที่สำคัญที่สุดของนักเตะในตำแหน่งนี้ก็คือ จะต้องทำงานหนักเพื่อเก็บเปอร์เซ็นต์การครองบอลให้เยอะที่สุดด้วย
หลายคนยังนึกภาพนักเตะดังๆในตำแหน่งนี้ไม่ออก ผมขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดเจน ก็มี "ชาบี้ เฮอนันเดส" นักเตะผึ้งงานที่มีส่วนในความสำเร็จของทีม บาเซโลน่า และทีมชาติสเปนในช่วง2-3ปีหลัง อีกหนึ่งคนเป็นที่รู้จักก็ "อันเดรีย ปีร์โล่" มิดฟิลด์เท้าช่างทองของทีม เอซี มิลาน
นี่ละครับ ตำแหน่งโฮลดิ้งมิดฟิลด์มีส่วนสำคัญต่อทีมมาก เพราะนักเตะคนเดียว แต่รับบทบาทหนักหลายหน้าที่ในแดนกลาง เปรียบเสมือนตัวปิดทองหลังพระ เพราะนักเตะตำแหน่งนี้ไม่ค่อยได้เครดิตซักเท่าไหร่ เมื่อทีมประสบความสำเร็จ
เอาละครับกลับมาเข้าเรื่องเดนิลสันอีกที ตั้งแต่หายจากอาการบาดเจ็บในปีนี้ เดนิลสันก็เหมือนมีความมั่นใจมากขึ้น การจ่ายบอลที่ดูมีประสิทธิภาพมากขึ้น คอยดักจังหวะบอลพาสของทีมคู่แข่งได้ดี แถมเพิ่มออฟชั่นพิเศษด้วย ลูกยิงไกลที่สุดสวย กับฟรีคิกที่แม่นยำ(ในเกมวันเสาร์ที่ผ่านมา)
สุดท้ายครับ แฟนบอลอย่างผมหวังไว้อย่างสูงว่า "เดนิลสัน" จะพัฒนาเป็น"Holding Midfield" ระดับ "World Class" แบบ "อันเดรีย ปีร์โล่" เพราะความสามารถของนักเตะทีมชาติอิตาลี่รายนี้ ที่มีทั้ง"การวางบอลยาวที่แม่นยำ การยิงไกลที่งดงาม และฟรีคิกที่เชื่อขนมกิน" เดนิลสันมีคุณสมบัติแบบนี้หมด แต่ยังเหลือคำถามว่าเดนิลสันจะทำได้ดีถึงระดับของสุดยอดมิดฟิลด์รายนี้ได้ หรือเปล่า? แฟนบอลอย่างพวกเราต้องคอยติดตามดูผลงานของDenilson "The Holding Man"เป็นซีรี่ย์เรื่องยาวกันต่อไปครับ 555+
NEVERDIE CLUB
วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552
The new player Arsenal is dangerous of Anfield !!!
ฮ่าๆ เปิดหัวเรื่องมาแบบนี้ ท่านผู้อ่านที่ตกวิชาภาษาอังกฤษ คงอาจจะงงกับหัวข้อเรื่องอยู่ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมเลยจึงขออธิบายแบบสั้นๆ แต่เน้นใจความว่า ผู้เล่นใหม่ของทีม "อาร์เซนอล" มักจะไปทำแสบทีมลิเวอร์พูล ที่สนาม "แอนฟิลด์" อยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วง2-3ปีหลังที่ผ่านมา ผู้เล่นเหล่านี้มักจะไปทำประตูกันเป็นว่าเล่น ณ สนามที่มีมนต์ขลังของสาวกลิเวอร์พูล แล้วพวกเราเหล่าสาวกเดอะกันเนอร์ ลองมาดูกัน!! ว่าเรื่องราวนี้มันเป็นจริงแค่ไหน?
เริ่มต้นเรื่องด้วย "โทมัส โรซิคกี้" นักเตะเพลย์เมกเกอร์กัปตันทีมชาติเช็ก ย้ายมาจากทีม "โบรุสเซีย ดอร์ทมุนท์" ในช่วงปิดฤดูกาล ก่อนฟุตบอลโลกปี 2006 ด้วยสนนค่าตัว 7ล้านปอนด์ และในฤดูกาลแรกของเขา ในสีเสื้อของทีมปืนใหญ่ โรซิคกี้จัดการเหมา 2 ประตูในช่วง 8 นาที ช่วยให้ทีมอาร์เซน่อลบุกไปถล่มทีมลิเวอร์พูลคาบ้าน 3-1 ในศึกฟุตบอลรายการเอฟเอคัพ รอบ 3 เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2007
และถัดมาเพียงไม่กี่วัน "ฮูลิโอ บาปติสต้า" นักเตะเชื้อสายบราซิลเลี่ยน ที่ย้ายทีมมาในรูปแบบยืมตัว สลับขั้วกับ โจเซ่ อันโตนิโอ เรเยส พร้อมรับเสื้อหมายเลข9ของทีม และในฤดูกาลแรกก็เสมือนฤดูกาลสุดท้ายของเขาไปในตัว บาปติสต้าจัดการซัดคนเดียวไป 4 ประตู ในถิ่นแอนฟิลด์ จบเกม ทีมลิเวอร์พูลพ่ายให้กับทีมอาร์เซนอลคาบ้านยับเยิน 3-6 ตกรอบคาร์ลิ่งคัพ ยิ่งตอกย้ำอาถรรพ์ นักเตะใหม่ในรังแอนฟิลด์มากขึ้น
ปิดท้ายความขลังด้วย "อังเดร อาร์ชาวิน" นักเตะพรสวรรค์สูงทีมชาติรัสเซีย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว เกมนัดแรกของเขาที่สนามแอนฟิลด์ อาร์ชาวินทำผลงานแบบฉบับ มาสเตอร์พีซ ที่ทำให้เหล่าสเกาท์เซอร์ จำไปแบบไม่มีวันตาย ด้วยการซัดไป 4 ตุง และแต่ประตูก็ยังสวยงามแบบหมดจด สุดท้ายทีมลิเวอร์พูลยิงตีเสมอในช่วงท้ายเกมส์ไปอย่างสุดมันส์ ด้วยสกอร์มโหฬาร 4-4
แล้วในเกมส์วันอาทิตย์ที่จะถึงหละ ใครเป็นผู้เล่นใหม่ ที่เพิ่งย้ายมาร่วมทีมเราในฤดูกาลนี้ ผมลองย้อนไปดูข้อมูล ก็พบกับรายชื่อของ "โทมัส แฟร์มาเล่น"กัปตันทีมชาติเบลเยื่ยมป้ายแดง หนึ่งเดียวในนักเตะทีมชุดใหญ่ที่ย้ายมาร่วมทีมอาร์เซนอลในซีซั่นนี้
แต่เขาเป็นผู้เล่นในตำแหน่ง center back นี่หว่า จะทำแสบทีมหงส์ได้ยังไง?
อะ อะ อ้าว!!!ผมลืมไปได้ไง เขาคือนักเตะกองหลังจอมถล่มประตูของทีมเรา(ในปีนี้แฟร์มาเล่นทำไป 4 ประตูในพรีเมียร์ลีก ติดอันดันTOPต้นๆ นักเตะที่ทำประตูให้กับทีมเรา) ดังนั้นเมื่อย้อนดูจากสถิติที่กล่าวมา บวกกับความสามารถในการถล่มประตูของ "แฟร์มาเล่น" จึงมีเหตุผลเพียงพอ ที่จะทำให้ไอ้คนเหล็กคือตัวอันตราย ในศึกBig Match สุดสัปดาห์นี้ที่แอนฟิลด์ ก็เป็นไปได้!!! แล้วพวกเราลองติดตามดูกันว่า "นักเตะใหม่ปืน มักทำแสบที่แอนฟิลด์" หรือไม่? วันอาทิตย์นี้ "โทมัส แฟร์มาเล่น"เจ้าของฉายา "ไอ้คนเหล็ก" จะเป็นผู้ให้คำตอบคุณเอง 555+
NEVERDIE CLUB
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552
R.V.P. Effect (ผลกระทบของทีมปืนใหญ่!!! เมื่อไร้ ฟาน เพอร์ซีย์)
เปิดหัวเรื่องมาแบบนี้ ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ว่าผมเขียนถึงปรากฎการณ์Effect ผลกระทบของธรรมชาตินะครับ เพียงแต่ผมจะสื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า ทีมไอ้ปืนใหญ่ เมื่อขาด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ ศูนย์หน้าดัชต์แมนของทีมไป จะส่งผลกระทบหนักต่อทีมมากขนาดไหน ถึงกับผมเปรียบแทนด้วยคำว่า "R.V.P. Effect " เลยหรอ แล้วเราลองมาดูกันว่ามันรุนแรงเพียงใด!!!
ขอท้าวความ ตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาลขึ้นมา ทีมปืนใหญ่ของพวกเรา ทำประตูเป็นว่าเล่น บางนัดชนะขาดลอยเกิน3-4ประตู หรือแม้แต่ในเกมแย่ๆที่แพ้ 2ทีม จากเมืองแมนเชสเตอร์ ทีมอาร์เซนอล ก็ยังทำประตูได้ 1และ2ประตู ตามลำดับ แต่แล้วทำไมใน2นัดล่าสุดของทีมปืนใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ถึงทำประตูไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี่ ยิงประตูกันถล่มทลาย?
ผมลองมาวิเคราะห์ดูตัวผู้เล่น ใน2เกมล่าสุด เปรียบเทียบ กับในเกมก่อนหน้านี้ที่ทีมเรายังทำประตูไหลลื่น ซึ่งเทียบดูตัวผู้เล่นแล้วก็ไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ แต่ในที่สุดก็มาพบบาดแผลรอยใหญ่ อยู่รอยนึง นั่นคือ "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์"ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม ที่ขาดหายไปใน2เกมล่าสุดที่ทีมเราแพ้ จากอาการบาดเจ็บข้อเท้าในเกมทีมชาติ ต้องพักยาวถึง 5เดือน !!!
ทำไมการขาด ฟาน เพอร์ซี่ย์ไป ถึงส่งผลกระทบต่อทีมเรามากขนาดนี้ ผมจึงขออธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนว่า ในแผนการเล่นใหม่ของทีมเรา นั่นคือระบบ 4-3-3 ซึ่งโรบิ้น รับบทบาทเป็นศูนย์หน้าตัวกลาง(Foward centre) ไม่ใช่หน้าเป้า ตัวยืนค้ำทำประตู(striker) อย่างบางท่านคิดไว้ บทบาทของ ศูนย์หน้าตัวกลาง หรือ Foward centre นั่นคือการหาจังหวะทำประตูจากแดนหน้า และก็ลงมาต่อบอลเชื่อมเกมกับ มิดฟิลด์ของทีม ซึ่งตรงกับหน้าที่ของฟาน เพอร์ซี่ เปะ ที่บางจังหวะ จะรอเข้าฮอสทำประตูจากลูกเปิดทางด้านข้าง หรือบางจังหวะจะลงมาต่อบอลเชื่อมเกมกับมิดฟิลด์ของทีม ไม่ว่าจะเป็นฟาเบรกัส หรือ อาร์ชาวิน
บทบาท(Foward centre)ของ ฟาน เพอร์ซี่ย์ในทีมอาร์เซนอล ซึ่งทำหน้าที่ทั้ง ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ และกองหน้าตัวต่ำคอยวิ่งลงมาต่อบอล เชื่อมเกมรุกกับมิดฟิลด์ ซึ่งทำให้ทีมเราได้เปรียบทีมอื่นอยู่มาก เพราะเขาคนเดียวเปรียบเสมือนนักเตะสำคัญ2คนอยู่ในทีม นักเตะTWO IN ONE อย่างเพอร์ซี่ย์ เขาจะรู้จังหวะของทีมอยู่เสมอ ว่าจังหวะไหนจะลงมาต่อบอลกับเพื่อน และเมื่อไหร่จะสอดขึ้นไปทำประตู
แน่นอนการขาดหายไปของ R.V.P ส่งผลกระทบต่อทีมเราเป็นอย่างมาก เพราะทีมปืนใหญ่ขาดทั้งตัวเชื่อมเกมรุกให้ไหลลื่น และตัวจบสกอร์ชั้นดี (จากการลงสนามในปีนี้ เพอร์ซี่ย์ทำได้7ประตูและ7แอสซิส การันตีคุณภาพทั้ง2บทบาทของเขาให้เห็นชัดๆ) ดังนั้นเวนเกอร์ต้องหาตัวทดแทนเพอร์ซี่ย์ นั่นคือ เอดูอาโด้ แต่ใน2เกมที่ผ่านมาเขาก็ยังไม่สามารถทดแทน ฟาน เพอร์ซี่ย์ได้แม้แต่ซักนิดเลย การต่อบอลกับเพื่อนที่ดูผิดพลาดไปหมด และจังหวะจบสกอร์ยังดูไม่เฉียบคมเหมือนเคย และตัวเลือกที่ถัดมา คาลอส เวล่า ก็ยังดูขาดประสบการณ์อยู่มาก โดยเฉพาะกับเกมใหญ่ๆ
หลายๆคนจึงเสนอ ไอเดียว่า เวนเกอร์ต้องซื้อผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่ง(ตัวใหญ่ๆ) มาใหม่ในช่วงเดือน มกราคมที่จะถึง เช่น เอดิน เซโก้ สเตฟาน คีสลิงก์ หรือ มารูยาน ซามัคห์ แต่ผมบอกได้เลยว่า ผู้เล่นพวกนี้อาจจะมาแก้ปัญหา ในการจบสกอร์ได้ก็จริง แต่การลงมาประสานงาน ต่อบอลเชื่อมเกมรุกกับเพื่อนร่วมทีม ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่?
สุดท้าย ผมจะเปรียบการขาดหายไปของ ฟาน เพอร์ซี่ย์ ว่าเป็นปฏิกิริยา" R.V.P. Effect" ก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะการขาดของ R.V.P. ไปร่วม 5เดือน จะส่งผลกระทบต่อทีมปืนใหญ่ อย่างมากมายแน่ โดยเฉพาะเกมที่เจอกับทีมใหญ่ๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ,เชลซี หรือแม้แต่เกมนอกบ้านที่เจอกับทีมกลางตารางจนถึงทีมเล็กๆ ทีมเราจะเจอกับปัญหาการจบสกอร์ และการทำเกมรุกที่ไม่ไหลลื่น เตรียมทำใจไว้ได้เลยครับ แฟนปืน!!!!
วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
4เหตุผล ที่เวนเกอร์ ส่งดิยาบี้ ลงสนาม
กลับมาพบกันอีกครั้ง สำหรับพี่น้องปืนโต ใน2-3สัปดาห์นี้คงไม่มีนักเตะคนไหนที่ตกเป็นtalk of the town เท่ากับเดียบี้แล้วหละ 555+ เข้าเรื่องเลยดีกว่า ว่าทำไมกุนซือมาดละเมียด นามว่าอาแซน เวนเกอร์ ถึงให้เดียบี้ลงสนามแทบจะทุกเกม ซึ่งสวนกระแสกับแฟนบอลที่เมืองไทยและที่อังกฤษที่อยากจะให้เขาหายไปจากโลกนี้ ถ้าเจ็บหนักทั้งฤดูกาลยิ่งดีเลย ฮ่าๆๆ ผมว่าเวนเกอร์นี่แหละรู้ดีที่สุด ว่าเดียบี้เป็นอย่างไร แล้วคงไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนหรอก ที่จะส่งนักเตะลงไป เพื่อให้ทีมตัวเองเสียเปรียบ แล้วเราลองมีดูเหตุผลของเวนเกอร์กัน ว่าทำไมเขาถึงส่งเดียบี้ลงสนาม?
1 Anti air attack(ป้องกันการโจมตีทางอากาศ)
นี่อาจคือเหตุผลแรกเลยก็ได้ ที่เวนเกอร์ส่งเดียบี้ลงสนามแทบทุกๆสัปดาห์ เพราะถ้าเราลองมาไล่ดูส่วนสูง ของผู้เล่นในแดนหลังและแดนกลางของทีมเรา ต้องยอมรับว่าต่ำกว่ามาตราฐาน(เตี้ย)ของผู้เล่นในลีกผู้ดี กัลลาสกับเฟอร์มาเล่น สูงประมาณ180ต้นๆ ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนสูงยังเป็นรองศูนย์หน้าของอีกหลายๆทีม ยิ่งผู้เล่นฟูลแบ็ค และนักเตะในแผงมิดฟิลด์ของทีมเรา ไม่ต้องพูดถึงเลยในเรื่องส่วนสูง ดังนั้นเดียบี้นี่แหละคือคำตอบสุดท้าย ที่ถูกส่งลงมาป้องกันลูกกลางอากาศ ในจังหวะลูกเซทพีท หรือจังหวะขึ้นแย่งชิงบอลกลางอากาศ ถ้ายังไม่เห็นภาพ ในเกมพบกับสเปอร์ที่ผ่านมา เวลาทีมเราเสียลูกเตะมุม เบนเนอร์จะตามประกบติดปีเตอร์ เคร้าซ์ แต่หลังจากนักเตะชาว(โคนม ไทย)เดนมาร์กได้รับบาดเจ็บ เดียบี้จึงทำหน้าที่แทน และก็ืทำได้ค่อนข้างดีด้วย ในเกมวันนั้นปีเตอร์ เคร้าซ์แทบทำอะไรทีมเราไม่ได้เลย(ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเป็นของแสลง) ด้วยความสูง190กว่าๆ ทำให้เดียบี้มีประโยชน์มาก เมื่อถูกคู่แข่งโจมตีด้วยลูกกลางอากาศ...
2 Free player (ตัวฟรี)
ในแผนใหม่ของป๋าเวน ที่เหมือนทีมเรามีมิดฟิลด์ตัวกลาง3คน อเล็กซ์ ซง เป็นมิดฟิลด์ตัวตัดเกม เซส ฟาเบรกัสเป็นมิดฟิลด์ห้องเครื่อง(คุมเกม) ส่วนเดียบี้ ซึ่งหลายๆคนบอกว่าเขามีตำแหน่งไม่เป็นที่เป็นทาง วิ่งขึ้นวิ่งลง ซ้ายที ขวาที แต่ที่จริงแล้วเวนเกอร์วางเขาให้เป็นตัวฟรี มีอิสระในการเล่นเกมรุก และสามารถวิ่งเติมไปในตำแหน่งไหนก็ได้ในสนาม ซึ่งผมคิดว่าเวนเกอร์คงมองในจุด ที่เดียบี้ถูกทีมคู่แข่งประมาณความสามารถต่ำเกินไป ผู้เล่นเกมรับฝ่ายตรงข้าม จึงมักไม่ค่อยให้ความสำคัญซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะตัวที่ประกบเขาอาจจะน้อยกว่าผู้เล่นในเกมรุกคนอื่น และนี่แหละก็คืออีกหนึ่งจุดที่ทำให้เดียบี้ มักทะลุมาประตูในตำแหน่งศูนย์หน้า หรือสอดมายิงแถว2 ฤดูกาลนี้เขาทำไปแล้ว4ประตู ถือว่าไม่ขี้เหร่เลย สำหรับผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์
3 Confidence Called (เรียกความมั่นใจ)
ผมว่าเวนเกอร์ น่าจะเห็นศักยภาพของเดียบี้ในสนามซ้อม ว่าเขามีความสามารถแค่ไหน และเวนเกอร์น่าจะเชื่อว่า เดียบี้จะพัฒนาเป็นผู้เล่นระดับโลกได้ โดยที่วิสัยทัศน์ของเวนเกอร์ซึ่งมองใครไม่ค่อยมีผิด ผมว่าในตอนนี้สิ่งเดียวที่เดียบี้ขาดคือความมั่นใจ ที่ผมเห็นหายไปตั้งแต่เกมที่พบกับแมนยู ที่เทพบี้ทำเข้าประตูตัวเอง หลังจากนั้นดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยมั่นใจซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะถ้าเจอเกมคู่แข่งบีบเร็วๆ เขามักจ่ายบอลพลาดบ่อยครั้ง ดังนั้นการถูกส่งลงสนามบ่อยๆ ทำให้เกิดความเคยชินกับเกม จะทำให้เดียบี้เรียกจังหวะเก่าๆกลับคืนมาได้อีกครั้ง ถ้าเราลองย้อนไปเมื่อ2ปีก่อน อเล็กซ์ ซง ก็มีอาการเคสเดียวกับเดียบี้ คือคิดช้า ทำช้า จ่ายบอลผิดพลาดบ่อย แต่เวนเกอร์ก็ยังให้โอกาส แทนที่จะขายซงทิ้งให้กับทีมกลางตาราง และทุกวันนี้ ซงคือผู้เล่นที่ทีมเราขาดไม่ได้ จ่ายบอลดี ครองบอลเหนียวแน่น และเวนเกอร์ก็คงคิดว่า เดียบี้น่าจะเป็นแบบเดียวกับซง ฝีเท้าเดียบี้มีแล้วหละ.... ตอนนี้เหลือแค่ความมั่นใจ... ผมเชื่ออย่างนั้น....
4 Non players is position (ไม่่มีผู้เล่นเหมาะกับตำแหน่งนี้แล้ว)
ลองมาดูข้อสงสัยจากแฟนบอล ที่บอกว่าผู้เล่นคนอื่นน่าจะเล่นแทนในตำแหน่งพี่บี้ได้
ถาม ทำไมไม่ส่งนาสรี่ ลงแทนเล่นตำแหน่งพี่บี้อะ ?
ตอบ เวนเกอร์คงคิดว่านาสรี่มีความเร็ว ดังนั้นถ้าปรับเขามาเล่นตัวกลาง จะทำให้ได้ใช้ศักยภาพของนาสรี่ไม่หมด เวนเกอร์เลยถ่างนาสรี่ไปเล่นริมเส้นในเกมที่ผ่านมา และนาสรี่ก็ทำได้ดีด้วย
ถาม แล้วแรมซี่หละ น่าจะแทนพี่บี้ได้นะ ?
ตอบ เวนเกอร์น่าจะวางแรมซี่ย์ ในตำแหน่งตัวตายตัวแทนเซสมากกว่า เพราะแรมซี่ย์จ่ายบอลสั้นค่อนข้างคม ดังนั้นถ้าไปเล่นตัวฟรี ก็แทบไม่มีความหมายอะไรเลย กับมิดฟิลด์ที่จ่ายบอลดี
ถาม เมริด้าก็ดีนะ ยิ่งอยากลงตัวจริงอยู่ ?
ตอบ เมริด้าถ้ามองในตำแหน่งก็พอเล่นได้นะ แต่ติดอยู่ตรงที่ประสบการณ์เขายังน้อยอยู่มากสำหรับเกมใหญ่ๆ และเวนเกอร์เชื่อว่าถ้าเร่งส่งเมริด้าลงไป เขาจะรับแรงกดดันไม่ไหว อาจจะเล่นผิดฟอร์มยิ่งกว่าเดียบี้ก็ได้นะ
ถาม ข้อสุดท้ายแล้ว โรซิคกี้อะ ดูดีกว่าบี้นะ ?
ตอบ ผมไม่เถียงเลย เพราะโรซิคกี้เคยเล่นเป็นตัวเพลย์เมกเกอร์ ในทีมชาติและดอร์ทมุนท์ แต่ตอนนี้สภาพร่างกายของเขาไม่เหมือนเดิม และถ้ายิ่งวางไว้เป็นมิดฟิลด์ตัวกลางสนาม มักมีการประทะกันบ่อยครั้ง อาจทำให้พี่แป้งเดี้ยงกว่าเดิมก็ได้ และอีกอย่างเขาพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บดังนั้นไม่สามารถเล่นอยู่ในเกมระยะยาวได้
# สุดท้าย ผมเชื่อว่าเดียบี้เล่นได้ เพราะผมเชื่อเวนเกอร์ คนที่มองอะไรไม่ค่อยผิดพลาด และผมก็เชื่อว่า พี่บี้ The star จะเป็น พี่บี้ Super star เหมือนที่เวนเกอร์มอง ....แล้วคอยดูกัน 555+ #
คิงอองรี ผู้กู้วิกฤติหงส์
จั่วหัวข้อมาแบบนี้ แฟนปืนทั้งหลายคงอดสงสัยว่า ไอ้เจ้าของบทความนี้มันเพ้อเจ้อหรือป่าว ที่เอานักเตะตำนานของทีมปืนใหญ่ เธียร์รี่ อองรี มาเป็นผู้ช่วยกู้วิกฤติทีมหงส์แดง ลิเวอร์พูล แต่ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองเปิดใจซักนิดส์ แล้วอ่านบทความของผมเป็นอันจบเสียก่อน และน่าจะมีเหตุผลพอ ที่ทำให้แฟนเดอะกันเนอร์ทั้งหลายภูมิใจกับอดีตกัปตันทีมอาร์เซน่อลของเรา
เข้าเรื่องเลยดีกว่า ต้องยอมรับเลยว่าช่วงนี้คือช่วงวิกฤติหนัก อาการอยู่ในขั้นโคม่าของทีมลิเวอร์พูล เหล่าเดอะค็อปทั้งเมืองไทยและต่างประเทศคงมีอาการเซ็งกับทีมรักของตนเองเป็น ทิวแถว หลายฝ่ายต่างช่วยกันพูดถึงการแก้ไขปัญหาวิกฤติการณ์นี้ ในฐานะที่ผมเริ่มต้นการดูฟุตบอล ด้วยการเป็นสาวกเดอะค็อปตามพี่ชาย ก่อนที่สายเลือดนั้นจะจางไป จากการได้เห็นฟุตบอลอันสวยงามของทีมอาร์เซน่อล ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาผมก็สถาปนาตัวเองเป็นสาวกเดอะกูนเนอร์เต็มตัว แต่ก็ยอมรับว่ายังเหลือDNAของเดอะค็อปอยู่10เปอร์เซ็นต์ก็ตาม เลยมีไอเดียที่คิดอยู่ในใจ ว่าจะตอบโจทย์ปัญหานี้ได้ ซึ่งผมมองดูแล้วเป็นปัญหา ข้อสอบแนวเดียวกับของเวนเกอร์เมื่อปีที่ผ่านมา....
ย้อนไปมองทีมปืนใหญ่ในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งพบกับวิกฤติปัญหาเศรษกิจ เฮ้ย!! ปัญหาในทีมที่มีผู้เล่นบาดเจ็บเรียงเป็นแถวหน้ากระดาน และฟอร์มที่ไม่สม่ำเสมอแพ้ทีมเล็กประปายเป็นทิวแถว ทิ้งคะแนนเกลี่ยนกลาด อย่างน่าเสียดาย และก็ไปสอดคล้องกับทีมหงส์แดงในปีนี้ ที่มีอาการแนวเดียวกับทีมอาร์เซน่อลของเรา ซึ่งอาจดูรุนแรงหนักกว่าด้วยซ้ำไป ปีีที่แล้วทีมไอ้ปืนใหญ่ของเราแพ้และเสมอบ่อย ในช่วงครึงฤดูกาลแรก(แพ้ไป5นัด เสมออีก4เกม) เลยถูกทีมวิลลาที่อยู่อันดับ3ทำคะแนนทิ้งห่าง3คะแนนเมื่อจบ18นัดในซีซั่นที่ แล้ว และดูเหมือนทีมจะกู่ไม่กลับ โดยเฉพาะเมื่อทีมขาดกัปตันเซส ซึ่งได้รับบาดเจ็บหนักพักยาวเกือบ4เดือน
แล้วมันก็ยังสอดคล้องกับทีมลิเวอร์พูลอีก ตรงที่ทีมของพวกเขาขาดหัวใจเกมรุก ที่ตอเรสและเจอร์ราร์ด ต่างพลัดกันได้รับบาดเจ็บออดๆแอดๆในปีนี้ ซึ่งโจทย์ปัญหาแทบตรงกันเปะ เปลี่ยนก็ตรงที่ลิเวอร์พูลมีออฟชั่นที่ยากกว่าทีมปืนใหญ่
แล้วเราลองมาดูเวนเกอร์แก้โจทย์ปัญหานี้อย่างไร?
ง่ายๆ ครับ ไม่ต้องคิดให้ซับซ้อน เวนเกอร์ตัดสินใจลงมือผ่าตัดทีมเล็กๆ ด้วยการคว้าผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนแปลงเกมได้ ด้วยจังหวะเล็กๆเพียงตัวคนเดียว ด้วยการคว้าสตาร์ทีมชาติรัสเซีย อังเดร อาร์ชาวิน ที่กว่าจะซื้อได้เลือดตาแทบกระเด็น ในวันสุดท้ายของการซื้อขาย ด้วยสนนราคาย่อมๆไม่เกิน15ล้านปอนด์
และแล้วการแก้ปัญหาที่ตรงจุดของเวนเกอร์ อาร์ชาวินนำสปิริตกลับมาสู่ทีมอีกครั้ง ทักษะและเทคนิคของเขาช่วยเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันด้วยจังหวะเล็กๆน้อยๆ โดยเฉพาะในนัดเสมอกับลิเวอร์พูล4-4 ซึ่งเหล่าเดอะค็อปคงจะจำได้ดี ก็พีม้าวินซัดไปตั้ง4ตุง อิอิ และเขานี่แหละที่ช่วยทำให้ทีมปืนใหญ่ลุกขึ้นมาจากหลุม แซงทีมวิลล่าเข้าวิน ได้โควต้าไปแข่งในรายการถ้วยหูโตเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ขณะที่วิลล่าก็แสดงให้เห็นว่าเป็นทีมของปลอมทำเหมือน ซึ่งยืนระยะไม่อยู่ เมื่อกรำศึกหนักในระยะยาว จนที่สุดแล้วก็แห้วโควต้าเรียนดี เข้าสู่มหาลัย UCL อย่างโอนีลฝันไว้
อะอะอ้าว ทีนี้ลองมาดูทีมของราฟาบ้าง(ถ้าไม่โดนปลดเสียก่อน) น่าจะลองลอกข้อสอบของเวนเกอร์ ที่สอบผ่านมาในปีที่แล้ว ด้วยการกระโดดไปในตลาดเดือนมกราคม ซื้อผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมได้ ด้วยจังหวะเล็กๆน้อยๆ ในสนนราคาที่ย่อมเยาว์ ที่เศรษฐีคู่หูมะกันจอมขี้เหนียวยอมเจียดเงิน ไม่เกิน20ล้านปอนด์....
ด้วยปัจจัยทางการเงินที่บีบบังคับ ทำให้หาผู้เล่นฝีเท้าดีที่กล่าวดังขั้นต้น ยากมาก...-*-
แล้วเราลองมาดูผู้เล่นBig Nameที่ตกเป็นข่าวกับทีมหงส์แดงในช่วงระยะที่ผ่านมา(ผมหามาคร่าวๆตกหล่นขออภัยมาในที
่นี้ด้วย^^)ว่ามีใครบ้าง
1.ดาวิด ซิลวา ของบาเลนเซีย ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรุก, ปีก ค่าตัวประมาณ25ล้านปอนด์ Up
2.ดาวิด บีย่า ของบาเลนเซีย ตำแหน่ง ศูนย์หน้า ค่าตัวประมาณ25ล้านปอนด์ Up
3.โรมัน พาฟลิวเชนโก้ ของสเปอร์ ตำแหน่ง ศูนย์หน้า ค่าตัวประมาณ12ล้านปอนด์ Up
4.เธียร์รี่ อองรี ของบาเซโลน่า ตำแหน่ง ศูนย์หน้า ค่าตัวประมาณ10ล้านปอนด์ Up
5.ราฟาเอล ฟานเดอฟาร์ท ของรีล มาดริด ตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวรุก ค่าตัวประมาณ 15ล้านปอนด์Up
6.คาร์ลตัน โคล ของเวสต์แฮม ตำแหน่งศูนย์หน้า ค่าตัวประมาณ 12ล้านปอนด์ Up
7.รุด ฟาน นิสเตลรอย ของรีล มาดริด ตำแหน่งศูนย์หน้า ค่าตัวประมาณ 7ล้านปอนด์ Up
8.ปาคทริก วิเอร่า ของอินเตอร์มิลาน ตำแน่ง มิดฟิลด์ตัวกลาง,มิดฟิลด์ตัวรับ ค่าตัวประมาณ5ล้านปอนด์
(ps. ค่าตัวนักเตะขึ้นอยู่กับอายุ ระยะสัญญาที่เหลือ ความสามารถ ถ้าไม่ตรงใจท่านทั้งหลาย ขออภัยอีกครั้งครับ^-^)
-ลองมาวิเคราะห์นักเตะกับความเหมาะสมกันดีกว่าครับ-
#ซิลวา กับ บีย่า ผมตัดออกไปเลยนะครับเพราะลิเวอร์พูลคงสู้ค่าตัวไม่ไหว#
#พาฟลิวเชนโก้กับคาร์ตัน โคล ผมก็ตัดออกไปอีก2ชอยท์ เนื่่องจากระดับฝีเท้ายังไม่ถึงกับเป็นผู้เล่นที่เปลี่ยนเกมได้#
#วิเอร่าผมขอตัดไปอีกหนึ่งนะเพราะตำแหน่งของเขาเป็นมิดฟิลด์ที่เล่นเกมรับมากกว่า มิดฟิลด์ตัวรุก(ตัวเปลี่ยนเกม)#
#ส่วนฟานเดอฟาร์ทก็น่าสนใจนะ แต่เขายังไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองกับทีมใหญ่ๆอย่างรีล มาดริดได้เลย#
#ในตอนนี้ก็เหลือ นิสเตลรอยกับอองรี ผมขอใช้สิทธิ์ครั้งสุดท้ายตัดนิสเตลรอยออกไป เพราะเขาเป็นศูนย์หน้าประเภทตัวปิดสกอร์อย่างเดียว (ไม่สามารถเชื่อมเกมรุกแบบอาร์ชาวินได้)#
(ดังนั้น ก็เหลืออดีตนักเตะตำนานปืนโตอยู่คนเดียวนั่นคือ เธียร์รี่ อองรี เจ้าของสถิติยิงสูงสุด ในสโมสรปืนใหญ่ โดยที่ลงเล่นให้กับทีมอาร์เซนอลไป251นัด ยิงไป174ประตู การันตีคุณภาพเห็นๆ)
อองรีซึ่งถ้าเปรียบเทียบดูกันแล้ว เขามีคุณสมบัติครบถ้วนในการที่จะเป็นผู้กู้วิกฤษหงส์ ทั้งสามารถเป็นตัวพลิกเกมได้โดยจังหวะเล็กน้อย ด้วยตัวเขาเอง มีความเป็นผู้นำสูง จากอดีตที่เคยเป็นกัปตันทีมปืนใหญ่ต่อจากวิเอร่า และในทีมชาติฝรั่งเศสก็รับบทบาทเป็นกัปตันบ่อยครั้ง อีกหนึ่งปัจจัยคือสัญญาของเขาที่จะหมดกับทีมบาซ่า ในปี2011(ซึ่งเหลือประมาญปีครึ่งกว่าๆ) และด้วยวัยอายุ32ปีกระรัต ทำให้ค่าตัวของเขาอยู่ที่ประมาณ10ล้านปอนด์ต้นๆ ทำให้ทีมลิเวอร์พูลพอสู้ค่าตัวไหว และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อองรีเคยออกมาบอกว่าบรรยากาศที่แอนฟิลด์ ช่างวิเศษเหลือเกิน และเขาก็อยากมาสัมผัสบรรยากาศที่นี้ซักครั้ง
ที่เหลือก็คือราฟา (ถ้ายังอยู่นะ) จะแสดงความสนใจอองรีหรือเปล่า และถ้ากุนซือหัวเถิกรายนี้แสดงความสนใจจริง ผมว่ามีโอกาสสูงถึง60เปอร์เซ็นต์ ที่จะดึงอองรีมาโชว์ฝีเท้าที่แอนฟิลด์ได้ เพราะปัญหาสำคัญของอองรีในตอนนี้ คือการที่เขาไม่ลงรอยกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ซักเท่าไหร่ โดยที่อองรีไม่ค่อยได้รับโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในฤดูกาลนี้ นี่แหละครับถ้า บวก ลบ คูณ หาร ราฟาผู้ที่ไม่ค่อยสันทัดการซื้อนักเตะฝีเท้าดีซักเท่าไหร่ ถ้าแสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการดึงอองรีมาร่วมทีมลิเวอร์พูล กอปรกับนักเตะชาวฝรั่งเศสรายนี้ ไม่มีความสุขกับทีมบาเซโลน่า ทำให้มีโอกาสสูงมาก ที่อองรีจะย้ายมาช่วยกู้วิกฤติลิเวอร์พูล ในการจบฤดูกาลเกาะอยู่ในกลุ่มBig4อีกครั้ง เหมือนเฉดเช่น อาร์ชาวินที่เคยช่วยพาทีมปืนใหญ่กลับมาคืนบัลลังค์Big4 เมื่อปีที่แล้ว
ถ้าอองรีมาร่วมทีมลิเวอร์พูลจริง หลายคนอาจคงสงสัยว่าเค้าจะเล่นตรงตำแหน่งไหน แผนการเล่น4-2-3-1 ซึ่งเป็นแผนการเล่นจ้าวประจำของราฟา
*แผนการเล่นในรูปแรก คือการจัดผู้เล่นเป็นปกติบ่อยครั้งของราฟา ซึ่งดูแล้วยังมีจุดบกพร่องอยู่มาก
*แผนการเล่นรูปที่สอง ถ้าอองรีมาร่วมทีมลิเวอร์พูล เขาจะไปยืนตรงตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีกทางฝั่งซ้ายดังรูปที่2 อองรีจะมาแก้ไขปัญหาตรงแนวรุกฝั่งซ้ายซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของทีมหงส์แดง แล้วก็โยกเบนายูนไปเล่นเป็นตัวรุกทางฝั่งขวา แทนที่เดิร์ก ครก นักเตะผู้ที่มีความขยันเพียงอย่างเดียว555+
และอองรีก็สามารถขึ้นไป เป็น หน้าเป้าแทนตอเรสได้ เมื่อศูนย์หน้าชาวสเปนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งดูแล้วแผนที่2เปลี่ยนแปลงผู้เล่นเทียบกับแผนที่1ไม่มาก แต่ดีดูกว่ามากพอสมควร แผนที่กล่าวมาในทั้งหมดนี้ ผมเพียงแค่สื่อถึงการผ่าตัดทีมเล็กๆของราฟา(เหมือนเวนเกอร์ในปีที่แล้ว) แต่ได้ผลอย่างน่าประทับใจ
สุดท้าย ผมคิดว่าแฟนปืนอีกหลายคน ยังคงต้องการอองรีกลับมาร่วมงานกับเวนเกอร์อีกครั้ง แต่โอกาสแถบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะถ้าไล่ดูตั้งแต่เวนเกอร์คุมทีมมานาน10กว่าปี ไม่เคยดึงนักเตะเก่าคนไหนกลับมาร่วมชายคาอีกซักครั้งนึง และอีก1สาเหตุสำคัญ ผมคิดว่าเวนเกอร์ เกรงว่าถ้าดึงอองรีเข้ามา จะทำให้ตัดโอกาสของดาวรุ่ง ที่รอโอกาสแจ้งเกิดกับทีมเป็นจำนวนมาก ไล่ตั้งแต่ คาลอส เวล่า เจย์ ซิมป์สัน จิล ซินู ซานเชส วัตต์ และอีกหลายคน
ท้ายสุด ผมว่าแฟนเดอะกันเนอร์ ลองเปิดใจซักนิดสสส์ ถ้าอองรีย้ายไปทีมลิเวอร์พูลจริง และช่วยกู้วิกฤติทีมหงส์แดงได้ ผมว่าเหล่าเดอะค็อปจะสรรเสริญอองรีมากแค่ไหน เครดิตจะตกกลับมาทีมปืนใหญ่และเวนเกอร์เต็มๆ เพราะทีมและผู้จัดการเหล่านี้ เคยทำให้อองรี นักเตะที่เคยถูกแฟนบอลปากหมาหยามว่าเป็นปีกซ้าย ดาดๆ กลับมาเป็นศูนย์หน้า ตัวพลิกเกมและ จอมถล่มประตู!!!!!
(ตื่นๆๆ ตื่นจากความฝันได้แล้ว ถ้าราฟาไม่คิดจะดึงอองรีมาจิง บทความนี้ก็แทบไม่มีความหมายอะไรเลย วอนแฟนหงส์ส่งแฟ็กซ์บทความนี้ไปหาราฟาด่วน พลีส!!!! ถ้าทีมคุณยังต้องการกลับมาในอันดับBig4 555+)
Fabregas,Ramsey ทีมเดียวกัน(แต่เล่นร่วมกันไม่ได้)
เปิดหัวเรื่องมาแบบนี้ แฟนปืนทั้งหลายอาจจะงงกับ สำนวนลิเกของหัวเรื่องอยู่ ผมเลยจึงขออธิบายแบบสั้นๆแต่เน้นใจความว่า เซส ฟาเบรกัส มิดฟิลด์กัปตันทีมปืนใหญ่ กับ อารอน แรมซี่ย์ มิดฟิลด์เดอะยังกันส์ ซึ่งนักเตะทั้ง2คนนี้ ไม่สามารถลงเล่นร่วมกันได้ โดยเฉพาะการจับคู่ประสานงานกัน ในแดนกลางให้กับทีมปืนโต แล้วทีนี้เราลองมาดูเหตุผลกัน ว่าทำไม? เขาทั้ง2 จึงเล่นร่วมกันไม่ได้!!!
Positions coincide (ตำแหน่งทับกัน)
- แรมซีย์ ไม่ใช่มิดฟิลด์ตัวรับ(Defensive Midfield) ซึ่งดูได้จากในเกมที่พบกับ วูลฟ์แฮมตัน เวนเกอร์จัดการส่งแรมซี่ย์ ลงสนามตั้งแต่ช่วงต้นเกม ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับแทน อเล็กซ์ ซง ผลปรากฏว่า แรมซี่ย์หลงตำแหน่ง ไม่สามารถเล่นเกมในตำแหน่งที่ตนเองถนัดได้ และในช่วงต้นเกมนั้นเองทำให้ทีมปืนใหญ่ยังครอบครองเกมไม่อยู่
- แรมซี่ย์ ไม่ใช่มิดฟิลด์ที่เล่นเกมรุกธรรมชาติ (Attacks Midfield) ดังนั้นการเลี้ยงพาบอลไปกับตัวเอง ล็อคหลบผู้เล่น2-3คนไปทำประตูแบบ Kaka หรือ Play Maker อีกหลายคน ซึ่งลีลาแบบนี้จะไม่เห็นในสไตล์การเล่นของเขา
- แรมซี่ย์ ถนัดเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง (Midfield Centre) ซึ่งในตำแหน่งนี้ จะมีความสมดุลกันทั้งในเกมรุกและเกมรับ หรือเรียกง่ายๆว่า มิดฟิลด์ตัวห้องเครื่อง คอยควบคุมเกมกำหนดจังหวะช้า,เร็วของทีม
แล้วตำแหน่งของแรมซี่ย์ ก็ดันไปตรงกับตำแหน่งจอมทัพของฟาเบรกัสเปะ ซึ่งดูเหมือนว่าเวนเกอร์จะปั้นอารอน มาแทนเซส ในตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวห้องเครื่องของทีม มากกว่าที่จะให้อารอนเล่นคู่กับเซส ในตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลางของทีม ถ้าอ้างอิง ในเกมที่แพ้กับทีมซันเดอร์แลนด์ จะเห็นภาพได้มากที่สุด อารอนไม่สามารถประสานงานกับเซสได้เลย จ่ายบอลผิดพลาดบ่อยมาก การยืนตำแหน่งดูสับสนไปหมด ทำให้เกมในแดนกลางที่เคยเป็นจุดเด่นในก่อนหน้านี้ กลับกลายเป็นจุดด้อยในชั่วพริบตา เมื่อแรมซี่ย์มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวเชื่อมเกมแทนดิยาบี้ที่ได้รับบาด เจ็บ ทั้งที่ก่อนหน้านี้แรมซี่ย์เพิ่งโชว์ฟอร์มได้อย่างสุดยอดในทีมชาติเวลส์ แล้วทำไมเขาจึงเปลี่ยนเป็นนักเตะที่เล่นผิดพลาดง่าย ทั้งที่เวลาห่างกันเพียงไม่กี่วันเอง?
"มันเป็นเพราะแรมซี่ย์ไม่ได้ลงเล่นในตำแหน่งที่ตนเองถนัด (เพราะฟาเบรกัสเล่นตำแหน่งนั้นอยู่ และไม่มีทางที่เวนเกอร์จะเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเซส ง่ายๆด้วย) ประกอบบวกกับความเหนื่อยล้า ทำให้แรมซี่ย์เล่นได้แย่มาก ต่างกันราวฟ้ากับเหว กับในเกมทีมชาติที่เขาเล่นบทเป็นพระเจ้า ทีทีมชาติเวลส์ชนะสก็อตแลนด์ไปอย่างง่ายดาย3-0"
ถึงแม้แรมซี่ย์จะเพิ่งต่อสัญญาใหม่กับทีมอาร์เซน่อลออกไป ในช่วงเปิดฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สามารถการันตีว่าเขาจะอยู่ร่วมกับทีมเป็นเวลานาน เพราะยิ่งเขาอายุมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งต้องการโอกาสลงเล่นสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ถ้าเมื่อเซสยังอยู่กับทีม ก็เป็นเรื่องยากมาก ที่เขาจะสอดแทรกขึ้นมาเป็นตัวจริง (ยกเว้นว่าเวนเกอร์จะฝืนให้พวกเขาเล่นร่วมกัน ซึ่งผมดูแล้วไม่ค่อยเวิร์คซักเท่าไหร่)
*ดังนั้น มีความเป็นไปได้ ถ้าเซสแสดงเจตนาออกจากทีมอาร์เซนอล เพื่อไปหาความท้าทายใหม่ เวนเกอร์อาจจะไม่รั้งเขาไว้ เพื่อเปิดโอกาสให้กับแรมซี่ย์ได้ลงเล่น
#เวนเกอร์ยังเคยปล่อยวิเอร่าอดีตกัปตันทีมปืนใหญ่ออกจากทีม ด้วยเหตุผลว่า ปาทริกเล่นร่วมกับเซสไม่ได้ แล้วทำไมเวนเกอร์จะไม่รั้งเซส(ถ้าหมดใจเล่นให้กับทีมปืนใหญ่) ด้วยเหตุว่าเล่นร่วมกับแรมซี่ย์ไม่ได้ เหมือนกันละ??? #
BY NEVERDIE CLUB
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)