วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552
R.V.P. Effect (ผลกระทบของทีมปืนใหญ่!!! เมื่อไร้ ฟาน เพอร์ซีย์)
เปิดหัวเรื่องมาแบบนี้ ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิด ว่าผมเขียนถึงปรากฎการณ์Effect ผลกระทบของธรรมชาตินะครับ เพียงแต่ผมจะสื่อให้เห็นภาพอย่างชัดเจนว่า ทีมไอ้ปืนใหญ่ เมื่อขาด โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์ ศูนย์หน้าดัชต์แมนของทีมไป จะส่งผลกระทบหนักต่อทีมมากขนาดไหน ถึงกับผมเปรียบแทนด้วยคำว่า "R.V.P. Effect " เลยหรอ แล้วเราลองมาดูกันว่ามันรุนแรงเพียงใด!!!
ขอท้าวความ ตั้งแต่ช่วงเปิดฤดูกาลขึ้นมา ทีมปืนใหญ่ของพวกเรา ทำประตูเป็นว่าเล่น บางนัดชนะขาดลอยเกิน3-4ประตู หรือแม้แต่ในเกมแย่ๆที่แพ้ 2ทีม จากเมืองแมนเชสเตอร์ ทีมอาร์เซนอล ก็ยังทำประตูได้ 1และ2ประตู ตามลำดับ แต่แล้วทำไมใน2นัดล่าสุดของทีมปืนใหญ่ในพรีเมียร์ลีก ถึงทำประตูไม่ได้เลยแม้แต่ประตูเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี่ ยิงประตูกันถล่มทลาย?
ผมลองมาวิเคราะห์ดูตัวผู้เล่น ใน2เกมล่าสุด เปรียบเทียบ กับในเกมก่อนหน้านี้ที่ทีมเรายังทำประตูไหลลื่น ซึ่งเทียบดูตัวผู้เล่นแล้วก็ไม่แตกต่างกันซักเท่าไหร่ แต่ในที่สุดก็มาพบบาดแผลรอยใหญ่ อยู่รอยนึง นั่นคือ "โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ย์"ศูนย์หน้าตัวความหวังของทีม ที่ขาดหายไปใน2เกมล่าสุดที่ทีมเราแพ้ จากอาการบาดเจ็บข้อเท้าในเกมทีมชาติ ต้องพักยาวถึง 5เดือน !!!
ทำไมการขาด ฟาน เพอร์ซี่ย์ไป ถึงส่งผลกระทบต่อทีมเรามากขนาดนี้ ผมจึงขออธิบายให้ฟังอย่างชัดเจนว่า ในแผนการเล่นใหม่ของทีมเรา นั่นคือระบบ 4-3-3 ซึ่งโรบิ้น รับบทบาทเป็นศูนย์หน้าตัวกลาง(Foward centre) ไม่ใช่หน้าเป้า ตัวยืนค้ำทำประตู(striker) อย่างบางท่านคิดไว้ บทบาทของ ศูนย์หน้าตัวกลาง หรือ Foward centre นั่นคือการหาจังหวะทำประตูจากแดนหน้า และก็ลงมาต่อบอลเชื่อมเกมกับ มิดฟิลด์ของทีม ซึ่งตรงกับหน้าที่ของฟาน เพอร์ซี่ เปะ ที่บางจังหวะ จะรอเข้าฮอสทำประตูจากลูกเปิดทางด้านข้าง หรือบางจังหวะจะลงมาต่อบอลเชื่อมเกมกับมิดฟิลด์ของทีม ไม่ว่าจะเป็นฟาเบรกัส หรือ อาร์ชาวิน
บทบาท(Foward centre)ของ ฟาน เพอร์ซี่ย์ในทีมอาร์เซนอล ซึ่งทำหน้าที่ทั้ง ศูนย์หน้าตัวจบสกอร์ และกองหน้าตัวต่ำคอยวิ่งลงมาต่อบอล เชื่อมเกมรุกกับมิดฟิลด์ ซึ่งทำให้ทีมเราได้เปรียบทีมอื่นอยู่มาก เพราะเขาคนเดียวเปรียบเสมือนนักเตะสำคัญ2คนอยู่ในทีม นักเตะTWO IN ONE อย่างเพอร์ซี่ย์ เขาจะรู้จังหวะของทีมอยู่เสมอ ว่าจังหวะไหนจะลงมาต่อบอลกับเพื่อน และเมื่อไหร่จะสอดขึ้นไปทำประตู
แน่นอนการขาดหายไปของ R.V.P ส่งผลกระทบต่อทีมเราเป็นอย่างมาก เพราะทีมปืนใหญ่ขาดทั้งตัวเชื่อมเกมรุกให้ไหลลื่น และตัวจบสกอร์ชั้นดี (จากการลงสนามในปีนี้ เพอร์ซี่ย์ทำได้7ประตูและ7แอสซิส การันตีคุณภาพทั้ง2บทบาทของเขาให้เห็นชัดๆ) ดังนั้นเวนเกอร์ต้องหาตัวทดแทนเพอร์ซี่ย์ นั่นคือ เอดูอาโด้ แต่ใน2เกมที่ผ่านมาเขาก็ยังไม่สามารถทดแทน ฟาน เพอร์ซี่ย์ได้แม้แต่ซักนิดเลย การต่อบอลกับเพื่อนที่ดูผิดพลาดไปหมด และจังหวะจบสกอร์ยังดูไม่เฉียบคมเหมือนเคย และตัวเลือกที่ถัดมา คาลอส เวล่า ก็ยังดูขาดประสบการณ์อยู่มาก โดยเฉพาะกับเกมใหญ่ๆ
หลายๆคนจึงเสนอ ไอเดียว่า เวนเกอร์ต้องซื้อผู้เล่นที่มีความแข็งแกร่ง(ตัวใหญ่ๆ) มาใหม่ในช่วงเดือน มกราคมที่จะถึง เช่น เอดิน เซโก้ สเตฟาน คีสลิงก์ หรือ มารูยาน ซามัคห์ แต่ผมบอกได้เลยว่า ผู้เล่นพวกนี้อาจจะมาแก้ปัญหา ในการจบสกอร์ได้ก็จริง แต่การลงมาประสานงาน ต่อบอลเชื่อมเกมรุกกับเพื่อนร่วมทีม ยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่?
สุดท้าย ผมจะเปรียบการขาดหายไปของ ฟาน เพอร์ซี่ย์ ว่าเป็นปฏิกิริยา" R.V.P. Effect" ก็คงไม่ผิดมากนัก เพราะการขาดของ R.V.P. ไปร่วม 5เดือน จะส่งผลกระทบต่อทีมปืนใหญ่ อย่างมากมายแน่ โดยเฉพาะเกมที่เจอกับทีมใหญ่ๆ อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ,เชลซี หรือแม้แต่เกมนอกบ้านที่เจอกับทีมกลางตารางจนถึงทีมเล็กๆ ทีมเราจะเจอกับปัญหาการจบสกอร์ และการทำเกมรุกที่ไม่ไหลลื่น เตรียมทำใจไว้ได้เลยครับ แฟนปืน!!!!
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น