วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Begin Of The Beautiful War (ปฐมบทของสงครามนางฟ้า)





เรื่องราวระหว่างทีมอาร์เซนอล กับทีมบาร์เซโลน่า ในประวัติศาสตร์ลูกหนัง แทบจะไม่มีความบาดหมางเรื่องขุ่นเคืองให้กับสาวกแฟนบอลของทั้งฝ่ายเลย

ย้อนเวลากลับไปในฤดูกาล 2005-2006 ทีมเดอะกันเนอร์ส ของเวนเกอร์ภายใต้ระบบการเล่น โฟร์ โฟร์ ทู แบบเบ็ดเสร็จ ทีมอาร์เซนอลยุคนั้นเล่นบอลพาสซิ่ง สลับกับการโจมตีทางด้านข้างอย่างดุดัน โดยใช้บริการศูนย์หน้าสองตัว

หน้าต่ำประดุจดั่งเพลย์เมกเกอร์ยุคปัจจุบัน คอยลงต่ำมาล้วงบอล และจ่ายบอลคิลเลอร์พาสคมกริบ ให้กับคู่หูแดนยิงประตู ขันอาสาโดย ไอซ์เบิร์ก เดนิส เบิร์กแคมป์ โดยมี โฮเซ่ อันโตนิโอ เรเยส กับ โรบิน ฟานเพอร์ซี่ย์ ในวัยกระทงคอย สลับปรับเปลี่ยน

หน้าเป้าหรือสไตร์ทเกอร์ หน้าที่เป็นตัวเบิกสกอร์ ในยุคนั้นคงหนีไม่พ้น เธียร์รี่ อองรี ราชาของแฟนทีมปืนใหญ่ ณ.ถิ่นไฮบิวรี่

มิดฟิลด์โจมตีทางด้านข้าง มีหลายแบบหลายสไตล์ให้เวนเกอร์เลือกใช้งาน ถ้าต้องการพวกความเร็วสูง ก็ถอยเรเยสมาโจมตีทางฝั่งซ้าย ถ้าต้องการพวกจมูกไวสัญชาตญาณการทำประตูเยี่ยม ก็ใช้ เฟร็ดดริก ลุงเบิร์ก กับพี่ปู โรแบร์ ปีแรส มาขนาบทั้ง 2 ข้าง หรือถ้าต้องการพวกพลิ้วไหว เทคนิคขั้นสูง ก็ใช้งาน อเล็กซานเดอร์ เคล็บ มิดฟิลด์ตีนตะขาบ ชาวเบเลารุส

มิดฟิลด์คู่กลางเวนเกอร์ใช้บริการ เชสก์ ฟาเบรกัส ในวัยหัวนมกำลังแตกพาน กับพาร์ทเนอร์คู่หูมนุษย์ล่องหนชาวบราซิล จิลแบร์โต้ ซิลวา โดยที่มี มาติเยอ ฟลามินี่ มิดฟิลด์จอมขยันเป็นแบ็คอัพให้





เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เข้าเรื่องกันดีกว่าครับ ทีมปืนใหญ่ชุดลุย UCL ปีนั้นเป็นครั้งแรกที่เวนเกอร์เลือกชิมลางเปลี่ยนระบบแผนการเล่นใหม่จาก 4-4-2 เป็น 4-5-1 Attacking

เวนเกอร์เลือกใช้งานศูนย์หน้าตัวเดียว นั่นคือ คิงอองรี ที่สามารถพาบอลไปตัว ชงเอง ชิมเอง จบสกอร์ได้เอง โดยที่ไม่ต้องใช้คู่หูพาร์ทเนอร์คอยป้อน

แผงมิดฟิลด์ก็ยืนเป็นระบบหน้ากระดานเหมือนเดิม 4 ตัว คู่กลางคู่เก่า จิลแบร์โต้กับเชสก์ ส่วนด้านขวา ใช้เคล็บ ด้านซ้ายสลับโรเตชั่นกันระหว่างปีแรสกับเรเยส แต่ระบบนี้พิเศษตรงเพิ่มมิดฟิลด์ตัวฟรีมาอีก 1 ตัว ตำแหน่งการยืนอยู่หน้ามิดฟิลด์ 4 ตัวที่กล่าวไปข้างต้น

หน้าที่ของมิดฟิลด์ตัวฟรีนี้ คือคอยวิ่งบีบเพรสซิ่ง ทำลายจังหวะคู่แข่ง ก่อนที่บอลจะมาถึงแผงมิดฟิลด์สแตนดาร์ททั้ง 4 ตัว หน้าที่ตำแหน่งนี้เวนเกอร์มอบหมายให้ลุงเบิร์กเป็นคนจัดการ

แผนนี้สำแดงผลกว่าที่คิดไว้มาก ทั้งกำราบทีม รีล มาดริดคาถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว และจัดการทีมที่มีเกมรับที่ดีทีสุดในยุคนั้นคือทีมยูเวนตูส ที่มี ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กับ จิอันลุยจิ บุฟ่อน ในช่วงพีคๆ สุดท้ายยังดับซ่าทีมน้องใหม่ร้ายบริสุทธ์ถ้วยหูโตอย่างทีม บียาร์รีลไปฉิวเฉียด





ในที่สุดปฐมบทแห่งสงครามนางฟ้าก็อุบัติเป็นครั้งแรก ทีมที่มีเกมรุกสวยงามแห่งยุค ทั้ง 2 ทีมก็มาบรรจบกัน !!!

ทีมบาร์เซโลน่าที่มีตัวชูโรงอย่าง โรนัลดินโญ่ กับทีมไอ้ปืนใหญ่ที่มี คีย์แมนอย่าง เธียร์รี่ อองรี นักเตะทั้งสองคนนี้ ต่างถูกกล่าวขานว่าเป็นเตะที่ดีที่สุดของเวลานั้น

ส่วนผลการแข่งขันเกมนั้น ดราม่ายิ่งกว่าละครชีวิต เริ่มต้นด้วย เยนส์ เลห์มัน ผู้รักษาประตูทีมปืนใหญ่ ทำฟาวล์ผู้เล่นบาร์ซ่านอกเขตโทษ กรรมการให้ใบแดงโดนไล่ออกจากสนาม เริ่มต้นเกมไม่กี่นาที ทีมปืนใหญ่เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน

หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจโซล แคมพ์เบลล์ โหม่งบอลผ่านมือวัลเดส ทำให้ทีมอาร์เซนอลขึ้นนำไปก่อนอย่างสุดเซอร์ไพร์ท 1-0

เกมครึ่งหลัง ทีมบาร์เซโลนาเดินเครื่องบุกเต็มที่ ทำประตูตีเสมอ และทำประตูหนีห่างไปเป็น 2-1 จากการยิงของ เบเล็ตติ แบ็คขวาชาวบราซิล จากจังหวะที่ได้บอลหน้าเขตโทษ และแปลอดหว่างขาอัลมูเนียเข้าไป จบเกมบาร์เซโลนาคว้าถ้วยหูโตไปนอนกอดอย่างสบายอุรา





ท่ามกลางความโศกเศร้าของทีมปืนใหญ่ อุบัติเกิดเป็นความแค้นเล็กๆของเหล่าสาวกเดอะกูนเนอร์ส ยิ่งไปกว่านั้น 2 ปีถัดมายอดทีมจากแดนกระทิงดุยังพรากคิงอองรี กัปตันที่เป็นรักของแฟนอาร์เซนอลไปอีก ยิ่งทวีความแค้นของเหล่าสาวกเดอะกูนเนอร์สขึ้นอีกไปเรื่อยๆ

ตลอดจนถึงฤดูกาลที่แล้วทั้ง 2 ทีมก็กลับมาโคจรพบอีกครั้งในรอบ 8 ทีม ฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรป ผลปรากฎว่าทีมปืนใหญ่พ่ายไปแบบหมดทางสู้ 2 นัดเหย้าเยือนพ่ายไปรวมทั้งสิ้น 6-3 ประตู

บวกกับเรื่องราวข่าวคราวของกัปตันทีมคนปัจจุบัน ที่ถูกทีมต่างดาวเล่นสงครามสื่อ จน เชสก์ ฟาเบรกัสออกอากาไขว้เขว่มาแล้วช่วงก่อนเปิดซีซั่น

ความแค้นของแฟนทีมปืนใหญ่ยิ่งประทุขึ้นเรื่อยๆดั่งกับภูเขาไฟใกล้ระเบิด ถ้าไม่เชื่อลองถามแฟนทีมอาร์เซนอลซิ ทีมในยุโรปที่ไม่ใช่ทีมในลีกเดียวกัน ทีมไหนที่แฟนปืนใหญ่เกลียดชังที่สุด แน่นอนทีมบาร์เซโลน่าจะอยู่อับดับหนึ่งครองใจเสมอ

ไม่รู้ว่าบังเอิญโลกกลมหรือพรมลิขิต ฤดูกาลนี้เอง ทีมปืนใหญ่ถูกจับฉลากบนโถมาอยู่เคียงข้างทีมบาร์ซ่าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าวันพุธที่ 16 กพ ที่จะถึง ทีมปืนใหญ่จะถอนแค้นได้ หรือยิ่งเพิ่มความแค้นขึ้นไปอีก


แต่ที่แน่ๆเกมนี้จะเป็นกำไรของแฟนบอลที่จะเห็นทีมที่เล่นฟุตบอลสวยงามสไตส์นางฟ้าแห่งยุคนี้ทั้ง 2 ทีม มาสู้ด้วยกันแบบไร้แทคติคเกมรับให้อึดอัดใจ แล้วติดตามชมกันครับว่าใครจะอยู่หรือไป ส่วนผมไม่พลาดเกมนี้แน่นอนอยู่แล้ว หุหุ wan-e050.gif


ปล.ถ้าเนื้อหาบทความผิดพลาดประการใด ขออภัยมาในที่นี้ด้วยนะครับ

NEVERDIE CLUB

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มาดูโกลเจ้าของฉายา superman กัน(เหนียวมาก)